Page 196 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 196
บทที่ ๖ การประเมินสถานการณ์ด้าน
สิทธิมนุษยชนใน ๕ ประเด็นร่วม
อย่างไรก็ดี ยังคงมีข้อท้าทายที่รัฐควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเพื่อเป็นการป้องกันและลดปัญหาผลกระทบจากการ
ด�าเนินธุรกิจ ดังต่อไปนี้
๑. แม้รัฐบาลจะมีความก้าวหน้าในการด�าเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิของแรงงานซึ่งเป็นผลจากกรณีปัญหาแรงงาน
ข้ามชาติและค้ามนุษย์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อผลประโยชน์ทางการค้าและการลงทุนอย่างรุนแรง แต่การด�าเนินการเพื่อ
ป้องกันหรือแก้ไขผลกระทบด้านอื่น ๆ จากการด�าเนินธุรกิจ อาทิ เรื่องชุมชน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สุขภาพ
ยังไม่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
๒. รัฐยังไม่มีความก้าวหน้าในการก�าหนดมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการก�ากับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของ
ผู้ลงทุนสัญชาติไทยให้เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน โดยพบว่า จากกรณีรายงานผลการพิจารณาค�าร้อง
ของ กสม. ทั้งกรณีการด�าเนินโครงการท่าเรือน�้าลึกและเขตเศรษฐกิจทวาย ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาของบริษัท
อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จ�ากัด (มหาชน) และกรณีการด�าเนินงานของบริษัท น�้าตาลมิตรผล จ�ากัด คณะรัฐมนตรี
ไม่ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด�าเนินการตามข้อเสนอแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการรับทราบสรุปผลการพิจารณา
ด�าเนินการของกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น
๓. ยังมีช่องว่างในการด�าเนินการของรัฐตามหลักการ UNGPs โดยหลายกรณีที่โครงการขนาดใหญ่ของรัฐ รัฐวิสาหกิจ
รวมถึงโครงการของภาคเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ได้สร้างผลกระทบทางลบด้านสิทธิมนุษยชนต่อบุคคลและ
ชุมชนในพื้นที่ตั้งโครงการ หน่วยงานรัฐยังไม่มีการน�ากระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (human rights
due diligence : HRDD) ไปใช้ รวมถึงในกรณีของการเยียวยา (remedy) พบว่า การเยียวยามักเป็นผลจากการด�าเนิน
การตามกระบวนการทางศาล และมักมีรูปแบบของการเยียวยาในลักษณะของตัวเงิน อีกทั้งยังไม่มีกลไกการเยียวยาอื่น ๆ
นอกเหนือจากกระบวนการทางศาลที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมที่จะท�าให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถเข้าถึงการแก้ไข เยียวยา
ฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิผล
ข้อเสนอแนะ
บทที่
๖
๑. รัฐควรให้ความส�าคัญและเพิ่มมาตรการ/นโยบายต่าง ๆ เพื่อแก้ไขและป้องกันผลกระทบด้านลบจากการด�าเนิน
ธุรกิจในมิติอื่น นอกเหนือจากมิติด้านสิทธิแรงงาน โดยเฉพาะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสิทธิชุมชน
๒. รัฐควรก�าหนดกลไกในการก�ากับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของผู้ลงทุนสัญชาติไทย ให้เคารพต่อหลักการพื้นฐาน
ด้านสิทธิมนุษยชน โดยอาจพิจารณาน�าข้อเสนอจากกรณีการด�าเนินโครงการท่าเรือน�้าลึกและเขตเศรษฐกิจทวาย
ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จ�ากัด (มหาชน) และกรณีการด�าเนินงานของบริษัท
น�้าตาลมิตรผล จ�ากัด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่อ�าเภอส�าโรง (Samrong) และจงกัล (Chongkal) ในจังหวัดโอดอร์
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | 195