Page 195 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 195
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ประกอบการที่ให้ความส�าคัญและน�ามาตรฐานสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนมาใช้ มักจะเป็น
ผู้ประกอบการรายใหญ่หรือเคยเป็นผู้ประสบปัญหาจากการด�าเนินการที่ส่งผลกระทบด้านลบอย่างรุนแรงต่อบริษัทมาก่อน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากได้มีหลักการก�ากับดูแลกิจการ
ที่ดีส�าหรับบริษัทจดทะเบียน ยกตัวอย่างเช่น การประกาศให้ใช้แนวปฏิบัติเรื่องแรงงาน (Practices Guideline on Labour)
ที่สอดคล้องกับกฎหมายแรงงาน รับรองหลักการความเสมอภาคและสิทธิเสรีภาพ โดยมีการก�าหนดวิธีการปฏิบัติที่ชัดเจน
ส�าหรับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การจัดตั้งศูนย์ธรรมาภิบาล (CG Center) ขึ้น เพื่อก�าหนดการด�าเนินการ
ให้บริษัทมีธรรมาภิบาล การออกหลักการก�ากับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance Code: CG Code) ฉบับใหม่
เพื่อเป็นแนวทางส�าหรับคณะกรรมการบริษัทจดทะเบียนในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมุ่งหวังให้กิจการมีผลประกอบการที่ดี
โดยค�านึงถึงความต่อเนื่องในระยะยาว มีความรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น ผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม
ตลอดจนสามารถปรับตัวได้ภายใต้การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทั้งนี้ พบว่า ปัจจุบันร้อยละ ๗๖ ของบริษัทที่จดทะเบียนใน
๓๗๘
ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการประกาศนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทแล้ว
ในส่วนของการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากการด�าเนินโครงการทั้งของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และ
ภาคธุรกิจ นั้น พบว่า ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจโดยเฉพาะกับกรณีที่เกิดขึ้นกับโครงการที่ส่งผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน
กับประชาชนจ�านวนมาก การเยียวยามักเป็นผลจากกระบวนการทางยุติธรรม เช่น ผลจากค�าพิพากษาของศาล ซึ่งมักใช้
ระยะเวลานาน เป็นภาระแก่ผู้ได้รับผลกระทบในการพิสูจน์ความเสียหาย และมักเกิดขึ้นในรูปแบบของการเยียวยาด้าน
การเงิน อย่างไรก็ดี บางกรณีศาลก็ได้มีค�าพิพากษาให้มีการเยียวยาในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากการเยียวยาด้านการเงิน อาทิ
กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมได้มีค�าพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๐ กรณีชาวบ้านคลิตี้ที่ได้รับผลกระทบ
จากการท�าเหมืองแร่ โดยให้บริษัทคู่ความต้องฟื้นฟูล�าห้วยคลิตี้ให้กลับมาใช้ได้ดังเดิม นอกเหนือจากการชดใช้ค่าเสียหาย
จ�านวน ๓๖ ล้านบาท ๓๗๙
การประเมินสถานการณ์ ปัญหา และอุปสรรค
ในปี ๒๕๖๐ เห็นได้ว่า รัฐได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและมีความก้าวหน้าในการด�าเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไข
ปัญหาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากการด�าเนินการของภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ
- การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ อาทิ พระราชก�าหนดการประมง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ พระราชก�าหนด
การบริหารจัดการการท�างานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐
- การแสดงเจตจ�านงทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีในการขับเคลื่อนหลักการชี้แนะฯ รวมไปถึงการมีบัญชาให้
คณะกรรมการนโยบายและก�ากับดูแลรัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนให้รัฐวิสากิจน�าหลักการชี้แนะฯ ไปใช้
- การมีมาตรการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจน�ามาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน เช่น ประกอบการจัดท�าแนวปฏิบัติการใช้
แรงงานที่ดี (Good Labour Practices : GLP) อย่างต่อเนื่อง
- การด�าเนินการอย่างเป็นล�าดับเพื่อให้เกิดแผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนขึ้นเพื่อเป็น
เครื่องมือในการน�าหลักการชี้แนะฯ ไปใช้
อย่างไรก็ดี ในบริบทของภาคธุรกิจ นั้น แม้ภาคธุรกิจจะมีความตื่นตัวเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขึ้น แต่ภาคธุรกิจที่มี
ความตื่นตัวจนถึงขั้นที่น�ามาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุษยชนมาใช้กับกิจการของตนยังจ�ากัดอยู่ในบริษัทขนาดใหญ่ บริษัท
ที่เคยได้รับผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน หรือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
๓๗๘ ประชาชาธุรกิจ. (๒๕๖๐). “หลักการก�ากับดูแลกิจการที่ดี” (CG Code) ฉบับใหม่ ก้าวย่างส�าคัญของตลาดทุนไทยสู่ความยั่งยืน. สืบค้นจาก www.prachachat.net/news_detail.
php?newsid=1491030960
๓๗๙ บีบีซีนาวิเกชัน. (๒๕๖๐). คลิตี้ : เรื่องเก่าที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของคดีสิ่งแวดล้อมชุมชน. สืบค้นจาก www.bbc.com/thai/thailand-41225292
194 | รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๖๐