Page 143 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 143

พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘  ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีค�านิยามการเลือกปฏิบัติ ครอบคลุมการเลือก
                                                       ๒๔๔
           ปฏิบัติทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจากนโยบาย กฎ ระเบียบ ประกาศ มาตรการ โครงการ หรือวิธีปฏิบัติใด ๆ โดยหน่วยงานรัฐ
           เอกชน หรือบุคคล ทั้งนี้ มุ่งคุ้มครองทั้งหญิง ชาย และผู้มีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดยก�าเนิด แทนที่จะมุ่งคุ้มครอง
           เฉพาะผู้หญิงและผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ

                นอกจากนั้น หมวด ๓ การตรวจสอบการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ มาตรา ๑๗ วรรคสอง ของกฎหมาย
           ฉบับนี้ยังเปิดช่องให้มีการเลือกปฏิบัติได้ โดยยกเว้นให้กับการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลตามหลักการทางศาสนา หรือเพื่อ
           ความมั่นคงของประเทศ เพื่อขจัดอุปสรรคหรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น หรือ
           เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและความปลอดภัย  นอกจากนั้น ยังพบข้อติดขัดในการตีความ และการบังคับใช้กฎหมายที่ส่ง
                                             ๒๔๕
           ผลกระทบต่อสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวของบุคคลรักเพศเดียวกัน เนื่องจากข้อก�าหนดในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
           ที่เกี่ยวข้อง อาทิ หมวด ๒ เงื่อนไขแห่งการสมรส มาตรา ๑๔๔๘  เป็นต้น
                                                               ๒๔๖

                มิติที่สอง การกระท�าหรือการก�าหนดให้เป็นการตีตราหรือเหมารวม โดยภาพรวมของสถานการณ์ด้านการตีตราหรือ

           เหมารวม ยังพบ การตีตราและการคุกคามทางเพศและการกระท�าความรุนแรงต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ โดย
           จะเห็นสื่อที่ตอกย�้าภาพต่อบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศในลักษณะเหมารวม มีความแตกต่างจากคนทั่วไป ข้อมูลจาก
           การศึกษาวิจัยเรื่อง “การศึกษาเพศวิถี อัตลักษณ์ทางเพศสถานะ และการแสดงออกอัตลักษณ์ทางเพศในสื่อ”  น�าเสนอว่า
                                                                                                 ๒๔๗
           ร้อยละ ๖๕ ของสื่อภายในประเทศที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน เป็นรูปแบบการน�าเสนอข่าวในลักษณะที่กระตุ้นอารมณ์ โดยเฉพาะ

           ข่าวบันเทิง และไม่มีข้อมูลส�าคัญใด ๆ ให้กับสังคม แต่กลับสร้างความรุนแรง การคุกคาม การเกลียดชัง และการลดทอน
           คุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ดังจะพบได้จากการพาดหัวข่าว หรือขึ้นเรื่องที่ส่อเสียดในทางเพศ รวมถึงการน�าเสนอภาพ
           ที่สื่อนัยยะทางเพศ และภาพตัวแทนของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชาย ที่มักจะสื่อใน
           ทางกามารมณ์ หรือความหมกหมุ่นเรื่องเพศ โรคเอดส์ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และอาชญากรรมต่าง ๆ ทั้งนี้ ข้อมูล

           จากการศึกษาวิจัย “การคุกคามทางเพศกลุ่มชายข้ามเพศ : การศึกษาเพื่อสร้างทฤษฎีฐานราก”  ก็ระบุว่า ที่มาของ
                                                                                          ๒๔๘
           การคุกคามทางเพศกลุ่มชายข้ามเพศมาจากการท�าตนเองให้เป็นจุดสนใจและใช้เงินเพื่อซื้อความรัก เมื่อกลุ่มชายข้ามเพศ
           ถูกคุกคามทางเพศระดับความรุนแรงน้อยจะมักใช้การนิ่งเฉยไม่โต้ตอบ แต่เมื่อถูกคุกคามทางเพศระดับความรุนแรงมาก
           จะตอบโต้และน�าตนเองออกจากสถานการณ์นั้นทันที ทั้งนี้เสนอให้กลุ่มชายข้ามเพศท�าตนเองให้มีคุณค่า เพื่อหลีกเลี่ยง

           ปัญหาการคุกคามทางเพศ


                มิติที่สาม การยอมรับทางกฎหมายที่มีการแสดงวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ พบว่า มีกฎหมายที่มีการแสดง
           วิถีทางเพศ และอัตลักษณ์ทางเพศอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมในภาพรวม อาทิ พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ

           พ.ศ. ๒๕๕๘  ได้บัญญัติลักษณะของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือบุคคลที่มีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดย
                     ๒๔๙
           ก�าเนิดไว้อย่างชัดเจน โดยก�าหนดให้มีการคุ้มครองบุคคลดังกล่าวจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศ
           เพศภาวะ หรือเพศวิถี ทั้งนี้ ยังไม่มีการปรับปรุง แก้ไข กฎ ระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด อาทิ กรณีผู้ต้องขัง


           ๒๔๔  มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติว่า “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” หมายความว่า การกระท�า หรือไม่กระกระท�าการใด
              อันเป็นการแบ่งแยก กีดกัน หรือจ�ากัดสิทธิประโยชน์ใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยปราศจากความชอบธรรม เพราะเหตุที่บุคคลนั้นเป็นเพศชาย หรือเพศหญิง หรือมีการแสดงออก
              ที่แตกต่างจากเพศโดยก�าเนิด
           ๒๔๕  พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ “มาตรา ๑๗ การก�าหนดนโยบาย กฎ ระเบียบ ประกาศ มาตาการ โครงการ หรือวิธีปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐ องค์การเอกชน
              หรือบุคคลใดในลักษณะที่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศจะกระท�ามิได้ การด�าเนินการตามวรรคหนึ่ง เพื่อขจัดอุปสรรค หรือส่งเสริมให้บุคคลสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพ
              ได้เช่นเดียวกับบุคคลอื่น หรือเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและความปลอดภัย หรือการปฏิบัติตามหลักการทางศาสนา หรือเพื่อความมั่นคงของประเทศ ย่อมไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็น
              ธรรมระหว่างเพศ”
           ๒๔๖  ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมวด ๒ เงื่อนไขแห่งการสมรส มาตรา ๑๔๔๘ บัญญัติว่า “การสมรสจะท�าได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว แต่ในกรณีที่มีเหตุ
              อันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ท�าการสมรส ก่อนนั้นได้”
           ๒๔๗  www.info.ms.su.ac.th/sums01/PDF02/158_20160327_j_85.pdf
           ๒๔๘  อ้างแล้ว
           ๒๔๙  อ้างแล้ว


           142 |  รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๖๐
   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147   148