Page 88 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 88
๗๑
ต่อมาในช่วงปลายปี ค.ศ. ๒๐๑๒ ได้มีการแต่งตั้งพนักงานสอบสวน
ที่รับผิดชอบคดีอาชญากรรมประเภทนี้เพิ่มเป็น ๑๐ นาย และส านักงานอัยการแห่งมลรัฐ Neuva Leon
ยังมีแผนที่จะเพิ่มจ านวนพนักงานสอบสวนเพื่อรับผิดชอบคดีพิเศษเหล่านึ้เป็นการเฉพาะขึ้นอีกในอนาคต
(๒) กำรด ำเนินกำรให้มีกำรจัดท ำฐำนข้อมูล (Database) เกี่ยวกับบุคคลที่
สูญหำยและศพที่ยังไม่สำมำรถระบุตัวได้
การสูญหายของประชาชนชาวเม็กซิโกจ านวนมหาศาลจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาล
สหพันธรัฐและรัฐบาลมลรัฐขาดเครื่องมือที่จะท าการสอบสวนร่วมกันในระดับชาติ ดังนั้น เพื่อช่วยให้
สามารถระบุตัวและค้นหาบุคคลที่อยู่ระหว่างการหายตัวไป (missing persons) ได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
องค์กรเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชนจึงได้เรียกร้องมาเป็นระยะเวลายาวนานให้รัฐบาลสหพันธรัฐของนาย
ฟิลิปเป้ คาลเดรอน จัดท าฐานข้อมูลสองประเภท ได้แก่ ประเภทที่หนึ่ง ฐานข้อมูลแห่งชาติเกี่ยวกับผู้
สูญหายที่เข้าใจง่าย (a comprehensive national database of the disappeared) ซึ่งจะต้อง
ประกอบด้วยข้อมูลทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับผู้สูญหาย (ตัวอย่างเช่น เพศ อายุ ส่วนสูง แผลเป็น รอยสัก
และข้อมูลพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล (DNA) ของญาติของผู้สูญหาย) ตลอดจนข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ใน
การก าหนดสถานที่อยู่ของบุคคล (ตัวอย่างเช่น หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และสถานที่แห่งท้ายสุดที่มีผู้พบ
เห็นบุคคลนั้น) นอกจากนี้ องค์กรเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชน และประเภทที่สอง ฐานข้อมูลทางทะเบียน
เกี่ยวกับศพที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (a searchable registry of unidentified bodies) ซึ่งจะต้อง
ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ในท านองเดียวกับข้อมูลในฐานข้อมูลแห่งชาติเกี่ยวกับผู้สูญหาย ทั้งนี้ เพื่อให้
สามารถเปรียบเทียบข้อมูลที่ต้องตรงกันระหว่างบุคคลที่อยู่ระหว่างการหายตัวไปและศพที่ไม่สามารถระบุ
ตัวบุคคลได้
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปีของการด ารงต าแหน่งประธานาธิบดี
นายเฟลิเป้ คาลเดรอน มิได้แสดงความพยายามที่จะด าเนินการให้มีการจัดท าฐานข้อมูลดังกล่าว
แต่อย่างใด จนกระทั่งเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ค.ศ. ๒๐๑๑ นายคาลเดรอนได้ประกาศต่อสาธารณชนว่าจะ
จัดท าฐานข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูญหายและทะเบียนที่สามารถค้นหาได้เกี่ยวกับศพที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้
“เป็นเรื่องส าคัญส าหรับประเทศเม็กซิโกที่จะต้องเดินหน้าพัฒนาเครื่องมือต่างๆ มีอยู่
๙๒
แต่จะต้องมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” นายคาลเดรอนกล่าว “ทะเบียนข้อมูลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (DNA)
ของผู้เสียชีวิต และฐานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่อยู่ระหว่างหายตัวไปเป็นเครื่องมือที่ส าคัญ
อย่างยิ่งส าหรับการตามหาพวกเขา” หลังจากนั้น นายคาลเดรอนได้สั่งการเลขานุการด้านมหาดไทยของ
เขาด าเนินการจัดท าฐานข้อมูลต่างๆ โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะท าได้ ทั้งนี้ โดยร่วมกับส านักงานอัยการ
สหพันธรัฐ หน่วยงาน PROVICTIMA และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ต่อมา ในวันที่
๓ กุมภาพันธ์ ค.ศ. ๒๐๑๒ ประธานาธิบดีเฟลิเป้ คาลเดรอน ได้กล่าวเรื่องนี้ต่อสาธารณชนอีกครั้งหนึ่ง
และกล่าวว่าส านักงานอัยการสหพันธรัฐได้ขอให้ผู้ปกครองจากทุกมลรัฐในเม็กซิโกให้ความร่วมมือ
แก่ความพยายามดังกล่าว นอกจากนี้ เขายังยืนยันด้วยว่าฐานข้อมูลแห่งชาติจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสแรก
หรือไตรมาสที่สองของปี ค.ศ. ๒๐๑๒
๙๒
“President Claderon at the Awarding of the 2011 National Human Rights Prize”
(El Presidente Calderon en la Entrega del Premio Nacional de Derechos Humanos 2011) สุนทรพจน์ วันที่
๙ ธันวาคม ค.ศ. ๒๐๑๑