Page 82 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 82

๖๕




                   ส่วนเกี่ยวข้องกับการกระท านั้นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมแล้ว การกระท านั้นย่อมมีลักษณะเป็นการ
                   บังคับบุคคลให้สูญหาย กล่าวอีกนัยหนึ่งการสูญหายของบุคคลในกรณีทั่วไปย่อมประกอบด้วยเงื่อนไขเพียง

                   สองประการจากเงื่อนไขทั้งหมดสามประการดังกล่าวข้างต้นเท่านั้น
                                         ยิ่งกว่านั้น หากพิจารณาบริบทและผลกระทบของการปฏิบัติการหรือการ
                   ด าเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือการมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ “ในองค์รวม” ดังที่
                   ได้ยกตัวอย่างให้เห็นข้างต้นแล้ว อาจกล่าวได้ว่าการปฏิบัติการหรือการด าเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
                   ตามนโยบายท าสงครามกับยาเสพติดของรัฐบาลนายเฟลิเป้ คาลเดรอน และน ามาซึ่งการสูญหายไปของ

                   ประชาชนชาวเม็กซิโกเป็นจ านวนมหาศาลในกรณีต่างๆ นั้น “มิใช่” เพียงการบังคับบุคคลให้
                   สูญหายเท่านั้น “หากแต่”  ยังมี “ลักษณะพิเศษ”ที่ “ยกระดับ” การบังคับบุคคลให้สูญหายที่เกิดขึ้นนั้น
                   ให้มีลักษณะเป็นการก่อ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” (Crime  against  humanity) ซึ่งเป็นการก่อ

                   “อาชญากรรมที่ร้ายแรง” และ “ต้องห้ามโดยเด็ดขาด” ตามธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่าง
                   ประเทศ (Rome  Statute  of  the  International  Criminal  Court) (ธรรมนูญกรุงโรมฯ) อีกด้วย
                   เนื่องจากเข้าเงื่อนไขทั้งสามประการของการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามนัยแห่งธรรมนูญ
                           ๘๒
                   กรุงโรมฯ  กล่าวคือ ประการที่หนึ่ง เป็นการโจมตี (Attack) หรือการใช้ก าลังหรืออาวุธในการด าเนินการ
                   ของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนร่วมในการกระท า อันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐหรือ
                   องค์กรของรัฐ ประการที่สอง เป็นการโจมตีซึ่งมีพลเรือนเป็นเป้าหมาย และประการที่สาม การโจมตีนั้นได้
                   กระท าอย่างแพร่หลายในวงกว้าง กระท าอย่างต่อเนื่อง และกระท าอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะได้กล่าวใน
                   รายละเอียดต่อไป


                                         ๒.๒ หน้ำที่ของรัฐบำลในกำรจัดกำรและแก้ไขปัญหำกำรกระท ำอันเป็นกำร
                   ละเมิดสิทธิมนุษยชน
                                         ปัญหาการบังคับบุคคลให้สูญหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนชาวเม็กซิโก

                   ผู้บริสุทธิ์ในกรณีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง น ามาซึ่งสภาพการณ์แห่งความรุนแรง (violence) การไร้กฎหมาย
                   บังคับ (lawlessness) ตลอดจนบรรยายกาศแห่งความหวาดกลัว (fear) และความรู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต
                   ร่างกาย และทรัพย์สิน ตลอดระยะเวลาหกปีของการบริหารประเทศของประธานาธิบดีเฟลิเป้ คาลเดรอน

                   จนกระทั่งในที่สุด ความกดดัน ความไม่เป็นธรรม และผลกระทบต่างๆ ผลักดันให้เกิดกระแสการต่อต้าน
                   และเรียกร้องอย่างกว้างขวางของประชาชนชาวเม็กซิโกที่ได้รับผลกระทบ (เนื่องจากบุคคลในครอบครัว
                   ของตนได้สูญหายไปโดยมิชอบ และไม่ทราบชะตากรรมหรือไม่ทราบสถานที่อยู่ของบุคคลนั้นแต่อย่างใด)
                   และกระแสเรียกร้องจากองค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะองค์กรเฝ้าระวังด้าน
                   สิทธิมนุษยชน (Human  Rights  Watch) ที่ต้องการให้รัฐบาลท าความจริงให้ปรากฏ และเยียวยาความ

                   เสียหายที่ประชาชนชาวเม็กซิโกผู้บริสุทธิ์จ านวนมหาศาล (wave  of  disappearances) ได้รับจากการ
                   ด าเนินนโยบายท าสงครามกับยาเสพติดที่ใช้ความรุนแรงของรัฐบาลของนายเฟลิเป้ คาลเดรอน
                   หากแม้ตลอดระยะเวลาของการบริหารประเทศ นายเฟลิเป้ คาลเดรอน ปฏิเสธมาโดยตลอดว่ากองทัพ

                   และหน่วยงานความมั่นคง (security        forces) ไม่เคยกระท าการใดๆ อันเป็นการใช้อ านาจ
                   โดยมิชอบ (abuses) แม้จะมีหลักฐานต่างๆ ที่แสดงให้เห็นในทางตรงกันข้าม แต่ในที่สุด ในช่วงท้ายของ



                          ๘๒
                             Article 7 (1), Rome Statute of the International Criminal Court
   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87