Page 233 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 233
๒๑๖
ความจริงให้ปรากฏ การเยียวยาความเสียหายอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม และการน าตัวผู้กระท าความผิดมา
ลงโทษ
(๒) ผลต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและรัฐบาล
(๒.๑) เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง โดยเฉพาะในศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้กับยาเสพติดของ
กระทรวงมหาดไทย (ศตส.มท.) และ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานข้อมูลการเสียชีวิต
ของประชากรพลเรือนและการสูญเสียทั้งหลายที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ตลอดช่วงเวลาสามเดือนของการ
ปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดมาโดยตลอด หากแต่มิได้ตระหนักถึงความ
ผิดพลาดและผลกระทบอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
(๒.๒) เจ้าหน้าที่ต ารวจ (พนักงานสอบสวน) มักจะไม่ใส่ใจในการสืบสวนสอบสวนคดี
ตามเรื่องร้องทุกข์ที่ครอบครัวหรือญาติของผู้เสียหายเข้าแจ้งความด าเนินคดี หรือในการเก็บรวบรวม
พยานหลักฐานเพื่อติดตามหาตัวผู้กระท าความผิดที่แท้จริงมาลงโทษ โดยนัยดังกล่าว มิเพียงแต่บุคคลใน
ครอบครัวของผู้เสียชีวิตในเรื่องร้องเรียนจ านวนไม่น้อยจะไม่เคยได้รับหนังสือเรียกให้ไปให้การจากพนักงาน
สอบสวนที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใดแล้ว แม้กระทั่งการฆาตกรรมนั้นจะเกิดขึ้นอย่างอุกอาจกลางใจเมืองหรือ
กลางสี่แยก ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องถูกบันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งไว้ในบริเวณพื้นที่เหล่านั้นก็ตาม
แต่ก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเหล่านี้ในส านวนคดีแต่อย่างใด ผลที่ตามมาก็คือ ในเรื่องร้องเรียนแทบทุกเรื่อง
เจ้าหน้าที่ต ารวจ (พนักงานสอบสวน) สรุปส านวนคดีว่าให้งดการสืบสวนสอบสวน และส่งสรุปส านวนคดี
ดังกล่าวแก่พนักงานอัยการ และพนักงานอัยการก็จะมีค าสั่งให้งดการสอบสวนคดีดังกล่าวในที่สุดโดยทันที
ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน
จึงกล่าวได้ว่า นโยบายในการท าสงครามขั้นแตกหักกับยาเสพติดของรัฐบาล เมื่อปี ๒๕๔๖
ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นผู้ก าหนดและประกาศให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง
รับไปด าเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายนั้น เป็นนโยบายของรัฐที่เปิดโอกาสให้มีการกระท า
ความผิดอาญาอย่างร้ายแรงอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยมิชอบ ทั้งต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของ
ประชากรพลเรือนอย่างรุนแรงและอย่างกว้างขวาง อีกทั้งการด าเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบาย
ดังกล่าวเป็นการปฏิบัติการที่เป็นกระบวนการ เป็นระบบ และเป็นขั้นตอน ก่อให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิต
ร่างกาย และทรัพย์สินของประชากร พลเรือนอย่างรุนแรงและอย่างกว้างขวาง อันเป็นการท าให้ประชากร
พลเรือน “ตกเป็นเหยื่อ” ของ “การกระท าอันโหดร้ายป่าเถื่อน” และ “ไร้มนุษยธรรม” การก าหนดนโยบาย
ดังกล่าวจึงมีลักษณะเป็นการก่อ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” (Crime against humanity) ซึ่งเป็นการก่อ
อาชญากรรมที่ร้ายแรงและเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพ ความสงบสุข และความมั่นคงของประชาชนและ
ประชาคมโลก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะผู้ด ารงต าแหน่งทางการเมืองและผู้ก าหนดนโยบายดังกล่าว
ก าหนดนโยบายดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าจะก่อให้เกิดการกระท าอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยมิชอบอย่าง
รุนแรงต่อประชากรพลเรือน อีกทั้งเมื่อได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องก็มิได้สั่งยับยั้งการ
ปฏิบัติการตามนโยบายดังกล่าวแต่อย่างใด จึงต้องรับผิดในฐานะเป็นผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
อัน “มิอาจได้รับการให้อภัยได้” และประชาคมโลกย่อม “มิอาจปล่อย” ให้ผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนั้น
ลอยนวลโดยมิได้รับการลงโทษแต่อย่างใด
๕.๒ ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในส่วนนี้เป็นข้อเสนอแนะต่อแนวทางการด าเนินการของคณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชนแห่งชาติซึ่งเป็นองค์กรระดับชาติของประเทศไทยที่มีอ านาจหน้าที่ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน