Page 229 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 229
๒๑๒
ในการปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายให้ได้มากที่สุด โดยในการประกาศนโยบายดังกล่าว
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้ยกค ากล่าวของพลต ารวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ว่า “...ภายใต้แสงอาทิตย์ ไม่มีอะไรที่
ต ารวจไทยท าไม่ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องยาเสพติด ผมมั่นใจว่าต ารวจไทยจัดการได้...” พร้อมเคยกล่าวด้วยว่า
“...ถ้าจะมีผู้ค้าตายไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ บางทีถูกยิงตายแล้วต้องถูกยึดทรัพย์ด้วย ผมคิดว่าเราต้องเหี้ยม
พอกัน”
(๓) พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก าหนดกรอบเวลาปฏิบัติการ “ที่เร่งรัดอย่างมาก” กล่าวคือ
เจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องปฏิบัติการให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายในการปราบปรามยาเสพติดภายในช่วง
ระยะเวลาเพียงสามเดือน คือ ระหว่างวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๔๖ ภายหลังจากที่
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ประกาศและมอบหมายนโยบายดังกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงไม่กี่วัน
(๔) พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก าหนด “เกณฑ์ชี้วัดผลส าเร็จ” และใช้เป็นเป้าหมายของ
การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ของรัฐตามนโยบายดังกล่าวไว้อย่างเคร่งครัด โดยมุ่งเน้นการลดยอดเป้าหมายหรือ
จ านวนผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ได้ตาม “อัตราร้อยละ” ที่ก าหนดไว้ในแต่ละช่วงเวลาของ
การปฏิบัติการเป็นส าคัญ และก าหนดให้ทุกอ าเภอต้องรายงานผลการด าเนินการต่อศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้
เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัด (ศตส. จ.) ภายในเวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา และศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติดจังหวัด (ศตส. จ.) ต้องรายงานให้กระทรวงมหาดไทยทราบภายในเวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา แม้จะไม่มี
ความเคลื่อนไหว เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยประเมินและแก้ไข และพิจารณาภาพรวมในแต่ละวันว่ามีจุดแข็ง
จุดอ่อนอย่างไร
(๕) พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก าหนด “เงื่อนไขกดดัน” การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ที่เกี่ยวข้อง โดยใช้นโยบายการให้รางวัลตอบแทนและการลงโทษ (Reward and Punishment) เพื่อให้
เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติการให้เป็นไปตามนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
ได้ก าหนด “มาตรการจูงใจ” เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการตามนโยบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “มาตรการตอบแทนให้
เจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการเร็วเป็นพิเศษ” (ระบบ Fast-track) และการให้เงินรางวัลสินบนน าจับ ในทาง
ตรงกันข้าม เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่สามารถปฏิบัติการให้เป็นไปตามเป้าหมายตามนโยบายดังกล่าว จะต้องถูก
บังคับตาม “มาตรการลงโทษอย่างรุนแรง” โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับสูง ได้แก่ ผู้ว่าราชการ
จังหวัดและผู้บังคับการต ารวจภูธรจังหวัด จะต้องพ้นจากต าแหน่งหรือถูกสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการในพื้นที่อื่น
การก าหนดเงื่อนไขกดดันการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นมีลักษณะเป็น “การควบคุมเจตนา”
ของเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ต้องปฏิบัติการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ก าหนดไว้ให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของ
รัฐตกอยู่ในสภาวะกดดันและจ าเป็นต้องปฏิบัติการต่างๆ “อย่างเร่งรีบ”เพื่อ “ตอบสนองเจตนา” ของ พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร ผู้ก าหนดนโยบายให้ได้มากที่สุด
จึงกล่าวได้ว่า ในการก าหนดและการมอบหมายนโยบายในการท าสงครามขั้นแตกหักกับ
ยาเสพติดของรัฐบาลดังกล่าวข้างต้น ไม่ปรากฏว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ย้ าเน้นให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่
เกี่ยวข้องปฏิบัติการโดยยึดหลักนิติธรรม-นิติรัฐ และหลักการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนแต่อย่างใด
ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีและ “ผู้ก าหนดนโยบาย” ดังกล่าวย่อมจะ “ทราบ”และ
“คาดหมายล่วงหน้าได้” ถึง “ผลกระทบในมิติต่างๆ” ที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ประชากรพลเรือนจากการด าเนิน
นโยบายในการท าสงครามขั้นแตกหักกับยาเสพติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของ
ประชากรพลเรือน หากแต่ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มิได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการด าเนิน
นโยบายดังกล่าวต่อสิทธิเสรีภาพของประชากรพลเรือนแต่อย่างใด