Page 236 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 236
๒๑๙
ให้แก่ผู้เสียหายและครอบครัวหรือญาติของผู้เสียหาย การด าเนินการดังกล่าวย่อมสอดคล้องกับอ านาจหน้าที่
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติดังที่เคยบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๕๗ (๔) ของรัฐธรรมนูญแห่ง
๔๕๔
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ แม้ว่าในปัจจุบัน รัฐธรรมนูญฯ ดังกล่าวจะได้ถูกยกเลิกไปแล้ว
โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) (เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗) แต่อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ก็ได้รับรองหลักการดังกล่าวไว้อยู่เช่นเดิมดังที่บัญญัติไว้
๔๕๕
๔๕๖
ในมาตรา ๔ และมาตรา ๕
นอกจากนี้ ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
(International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) ซึ่งประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีกติกา
ดังกล่าวแล้ว ประเทศไทยยังมีหน้าที่ที่จะต้องให้การเยียวยาความเสียหายแก่ประชากรพลเรือนที่ถูกละเมิดสิทธิ
เสรีภาพโดยมิชอบอย่างจริงจังอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามข้อ ๒ ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิ
พลเมือง และสิทธิทางการเมือง ดังความว่า
“รัฐภาคีแต่ละรัฐแห่งกติกานี้รับที่จะ
(ก) ประกันว่าบุคคลใดที่สิทธิหรือเสรีภาพของตนซึ่งรับรองไว้ในกติกานี้ ถูกละเมิด ต้องได้รับ
การเยียวยาอย่างเป็นผลจริงจัง โดยไม่ต้องค านึงว่าการละเมิดนั้นจะกระท าโดยบุคคลผู้ปฏิบัติการตามหน้าที่
(ข) ประกันว่าบุคคลใดที่เรียกร้องการเยียวยาดังกล่าวย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาจาก
ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร หรือฝ่ายนิติบัญญัติที่มีอ านาจ หรือจากหน่วยงานอื่นที่มีอ านาจตามที่ก าหนดไว้
โดยระบบกฎหมายของรัฐ และจะพัฒนาหนทางการเยียวยาด้วยกระบวนการยุติธรรมทางศาล
(ค) ประกันว่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอ านาจต้องบังคับการให้การเยียวยานั้นเป็นผล”
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไทยจึงมีหน้าที่ที่จะต้องเยียวยาความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และ
ทรัพย์สินของผู้เสียหาย (และครอบครัวหรือญาติของผู้เสียหาย) ตามพันธกรณีที่มีอยู่ตามกติการะหว่างประเทศ
ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีแล้ว
วิธีกำร
ในการเรียกร้องการเยียวยาความเสียหายแก่ผู้เสียหายและครอบครัวหรือญาติของผู้เสียหาย
อันเนื่องมาจากการด าเนินนโยบายในการท าสงครามขั้นแตกหักกับยาเสพติดของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ
ชินวัตร เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติควรจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ (ad hoc)
มีชื่อเรียกว่า “คณะกรรมการคืนความเป็นธรรมและเรียกร้องค่าเสียหาย กรณีผู้เสียหายจากการด าเนิน
๔๕๔ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗ (๔) บัญญัติว่า
“คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอ านาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๔) ฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหาย เมื่อได้รับการร้องขอจากผู้เสียหายและเป็นกรณีที่เห็นสมควรเพื่อ
แก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนรวม...”
๔๕๕
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๔ บัญญัติว่า
“ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค บรรดาที่
ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุขและตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”
๔๕๖
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๕ บัญญัติว่า
“เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระท าการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการ
ปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ประเพณีการปกครองดังกล่าวต้องไม่ขัด
หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้”