Page 226 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 226

๒๐๙




                   ประเทศไทยจึงสามารถแสดงเจตนายอมรับอ านาจศาลได้ โดยจะต้องท าค าประกาศยอมรับอ านาจศาล
                   เสนอต่อนายทะเบียนประจ าศาล (the Registrar) เช่นนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศก็จะมีอ านาจเหนือคดี

                   ดังกล่าวและสามารถพิจารณาคดีดังกล่าวต่อไปได้ และในกรณีเช่นนั้น ประเทศไทยมีหน้าที่ต้องให้
                                                            ๔๔๖
                   ความร่วมมือกับศาลโดยไม่ชักช้าและไม่มีข้อยกเว้น
                                 จะเห็นได้ว่าการเสนอเรื่องอาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศต่อศาลอาญาระหว่าง
                   ประเทศได้นั้นจึงเป็นเรื่องที่ “เคร่งครัดอย่างมาก” เนื่องจากการกระท าความผิดหรือคดีที่อยู่ในเขตอ านาจ
                   ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นอาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศ การที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวมายังศาล

                   อาญาระหว่างประเทศ รัฐที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวจะต้องเป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรมฯ เท่านั้น
                   “เป็นหลัก” เพราะรัฐภาคีได้แสดงเจตนาผูกพันทางกฎหมายที่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของธรรมนูญ
                   กรุงโรมฯ ทุกประการโดยเคร่งครัด และยอมรับเขตอ านาจศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นการทั่วไป

                   กล่าวคือ ยอมให้ศาลอาญาระหว่างประเทศมีอ านาจเหนืออาชญากรรมที่ก่อขึ้นในดินแดนของตนหรือ
                   ที่ผู้ถูกกล่าวหาว่าประกอบอาชญากรรมเป็นคนถือสัญชาติตนทุกคดี โดยไม่จ าเป็นต้องแสดงเจตนายอมรับ
                   อ านาจศาลเหนือคดีแต่ละคดีเป็นการเฉพาะอีกครั้งหนึ่งแต่อย่างใด โดยนัยดังกล่าว รัฐที่เป็นภาคีของ
                   ธรรมนูญกรุงโรมฯ จึงตกอยู่ภายใต้เขตอ านาจศาลทั้งในด้านที่รัฐดังกล่าวเป็นผู้เสนอคดีต่อศาล และในด้าน

                   ที่คนถือสัญชาติของรัฐดังกล่าวถูกกล่าวหาหรือถูกฟ้องเป็นคดีต่อศาลเช่นกัน หากธรรมนูญกรุงโรมฯ
                   ยอมให้รัฐที่มิได้เป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรมฯ เสนอเรื่องการก่ออาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศ
                   ต่อศาลได้โดยง่าย อาจเป็นการเปิดช่องให้มีการใช้ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นเครื่องมือเพื่อก่อ
                   ความเดือดร้อนเสียหายแก่รัฐอื่นได้ ในทางกลับกัน หากบุคคลซึ่งถือสัญชาติของรัฐที่มิได้เป็นภาคีถูกรัฐ

                   ภาคีของธรรมนูญกรุงโรมฯ กล่าวหาหรือฟ้องเป็นคดีต่อศาล รัฐที่มิได้เป็นภาคีนั้นอาจจะไม่แสดงเจตนา
                   ยอมรับอ านาจศาลก็ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง รัฐที่มิได้เป็นภาคีจะแสดงเจตนายอมรับอ านาจศาลก็เฉพาะแต่ใน
                   กรณีที่ตนจะเสนอคดีต่อศาล แต่จะไม่แสดงเจตนายอมรับอ านาจศาลเมื่อคนที่ถือสัญชาติตนถูกรัฐอื่นฟ้อง
                   เป็นคดีต่อศาล ซึ่งย่อมไม่สมเหตุผลและไม่เป็นธรรม

                                 อย่างไรก็ตาม โดยที่อาชญากรรมที่อยู่ในเขตอ านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศตามที่
                   ก าหนดไว้ในธรรมนูญกรุงโรมฯ เป็น “อาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุด” ซึ่งอยู่ในความห่วงใยของประชาคม
                                         ๔๔๗
                   ระหว่างประเทศโดยรวม  และเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงของประชาคมระหว่าง
                   ประเทศ ด้วยเหตุนี้ กรณีจึงย่อมมิอาจยอมรับได้หากผู้ก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดต้องถูกปล่อยให้
                   ลอยนวลและมิได้รับการลงโทษ ด้วยเหตุผลแค่เพียงว่าไม่มีศาลที่มีเขตอ านาจเหนือคดีดังกล่าวในรัฐ
                   ที่มิได้เป็นภาคีซึ่งคนที่ถือสัญชาติของรัฐนั้นได้กระท าลงในดินแดนของตน ดังนั้น ธรรมนูญกรุงโรมฯ จึงยัง
                   ได้เปิดช่องให้คดีอาชญากรรมร้ายแรงอาจได้รับการเสนอไปสู่ศาลโดยรัฐที่มิได้เป็นภาคีของธรรมนูญ
                                                                                       ๔๔๘
                   กรุงโรมฯ ได้ ช่องทางส าคัญช่องทางหนึ่งที่มีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้  คือ การเริ่มคดีเอง


                          ๔๔๖  Rome Statute, Article 12 Preconditions to the exercise of jurisdiction, paragraph 3.
                          ๔๔๗   อันได้แก่ อาชญากรรมอันเป็นการท าลายล้างเผ่าพันธุ์  (the  crime  of  genocide)  อาชญากรรมต่อ
                   มนุษยชาติ (Crimes  against  humanity) อาชญากรรมสงคราม  (War  crimes)  อาชญากรรมอันเป็นการุกราน (the
                   crime of aggression)
                               Rome Statute, Article 5 Crimes within the jurisdiction of the Court, paragraph 1.
                          ๔๔๘
                               แม้ประเทศไทยจะสามารถแสดงเจตนายอมรับอ านาจศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นการเฉพาะคดี
                   หลังจากที่รัฐภาคีได้เสนอเรื่องดังกล่าวไปยังอัยการประจ าศาลอาญาระหว่างประเทศ อันจะท าให้ศาลอาญาระหว่าง
   221   222   223   224   225   226   227   228   229   230   231