Page 216 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 216

๑๙๙




                   หลักการทั่วไปของกฎหมายอาญา (Part 3 General Principles of Criminal Law) นอกจากหลักอ านาจ
                                                          ๔๒๔
                   ศาลเหนือบุคคลธรรมดา (natural  person)  และบุคคลไม่ต้องรับผิดทางอาญาหากไม่มีกฎหมาย
                                                     ๔๒๕
                   ก าหนด (Nullum  crimen  sine  lege)  และบุคคลไม่ต้องรับโทษหากไม่มีกฎหมายก าหนด  (Nulla
                                   ๔๒๖
                   poena sine lege)  ธรรมนูญกรุงโรมฯ ยังก าหนดหลักการทั่วไปเกี่ยวกับรูปแบบความรับผิดของบุคคล
                   ที่ต้องในลักษณะต่างๆ ไว้ด้วย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว การก่ออาชญากรรมร้ายแรงดังเช่นอาชญากรรม
                   ต่อมนุษยชาติไม่สามารถกระท าได้โดยบุคคลเพียงคนเดียว หากแต่มักจะกระท าโดยบุคคลหลายคน
                   ที่กระท าการร่วมกันตามแผนการด าเนินการเพื่อให้นโยบายของรัฐหรือองค์กรบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

                                 ตามข้อ ๒๕ วรรคสองและวรรคสาม ของธรรมนูญกรุงโรมฯ ก าหนดให้บุคคลต้องรับผิด
                   ทางอาญาและรับโทษตามที่ก าหนดไว้ในธรรมนูญนี้ เมื่อบุคคลที่ก่ออาชญากรรมภายในเขตอ านาจของศาล
                   บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบในการกระท าของตนและอาจต้องรับโทษตามธรรมนูญนี้ ทั้งนี้ บุคคลต้องรับผิด

                   ทางอาญาและอาจต้องรับโทษ หากบุคคลนั้น
                                 - ประกอบอาชญากรรมไม่ว่าจะกระท าคนเดียว ร่วมกระท ากับบุคคลอื่น หรือผ่านทาง
                   บุคคลอื่น
                                 - สั่งการ ขอร้องหรือชักจูงให้มีการประกอบอาชญากรรมเช่นนั้นซึ่งได้เกิดขึ้นจริงหรือถึง

                   ขั้นพยายามแล้ว
                                 - ให้การสนับสนุน ยุยงหรือช่วยเหลืออื่นใด ในการประกอบอาชญากรรมหรือพยายาม
                   ประกอบอาชญากรรมนั้น รวมทั้งหาวิธีการส าหรับการประกอบอาชญากรรม เพื่ออ านวยความสะดวกต่อ
                   การประกอบอาชญากรรมนั้น

                                 - มีส่วนในการประกอบอาชญากรรมหรือพยายามประกอบอาชญากรรมนั้นไม่ว่าทาง
                   หนึ่งทางใดโดยกลุ่มบุคคลที่กระท าด้วยความมุ่งประสงค์ร่วมกัน ทั้งนี้ การมีส่วนเช่นนั้นจะต้องเป็นไปโดย
                   เจตนา และมุ่งหมายที่จะสนับสนุนกิจกรรมทางอาชญากรรมหรือให้บรรลุความมุ่งประสงค์ทาง
                   อาชญากรรมของกลุ่ม หรือรู้ถึงเจตนาของกลุ่มที่จะประกอบอาชญากรรม

                                 นอกจากนี้ ศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะกิจ International Criminal Tribunal for
                   Former Yugoslavia ได้เคยวางหลักความรับผิดทางอาญาของบุคคลไว้ ความว่า “ผู้กระท าผิด คือ บุคคล
                   ซึ่งเป็นทั้งผู้วางแผน ผู้สั่งการ ให้ความช่วยเหลือ ชักจูงใจในการเตรียมการหรือลงมือก่ออาชญากรรมตามที่

                   ระบุไว้ในธรรมนูญนี้ แม้ว่าบุคคลนั้นจะมีต าแหน่งเป็นประมุขของรัฐ หรือรัฐบาล หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของ
                   รัฐบาลก็ไม่อาจยกขึ้นอ้างเพื่อท าให้ความรับผิดในการประกอบอาชญากรรมลดลงไปได้ ทั้งนี้ รวมถึงการ
                   กระท าใดของผู้บังคับบัญชา ที่ผู้บังคับบัญชาไม่อาจหลุดพ้นความรับผิดทางอาญาได้ ถ้าหากเขารู้หรือมี
                   เหตุผลอันควรจะรู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาอาจก่ออาชญากรรม และไมได้ป้องกันให้กระท าการนั้น”
                                 รูปแบบการกระท าความผิดของผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงระหว่างประเทศจึงสามารถ

                   แบ่งออกเป็นสองกรณี ได้แก่
                                 กรณีที่หนึ่ง:  ผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงกระท าความผิดร่วมกับบุคคลอื่นหรือโดยผ่าน
                   บุคคลอื่น เป็นกรณีบุคคลกระท าความผิดอาญาร้ายแรงตามที่ก าหนดในธรรมนูญกรุงโรมฯ โดยร่วมกระท า

                   กับบุคคลอื่นหรือผ่านทางบุคคลอื่น (committing through another person) ไม่ว่าบุคคลอื่นจะต้องรับ

                          ๔๒๔
                              Rome Statute, Article 25 Individual criminal responsibility, paragraph 1.
                          ๔๒๕
                              Rome Statute, Article 22 Individual criminal responsibility.
                          ๔๒๖  Rome Statute, Article 23 Individual criminal responsibility.
   211   212   213   214   215   216   217   218   219   220   221