Page 214 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 214
๑๙๗
พลเรือนเป็นจ านวนหลายหมื่นคน การก าหนดและการด าเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลนายเฟลิเป้
คาลเดรอน ก็มีลักษณะเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (Crime against humanity) ในลักษณะ
การบังคับบุคคลให้สูญหาย ตามข้อ ๗ วรรคหนึ่ง ของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ
เช่นเดียวกัน
๑. กรณีจะต้องด ำเนินกำรอย่ำงไรเพื่อให้ผู้ก ำหนดนโยบำยดังกล่ำวได้รับโทษ
เมื่อการก าหนดและการด าเนินนโยบายในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะ
ยาเสพติดของรัฐบาลที่มี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีลักษณะเป็นการก่ออาชญากรรม
ต่อมนุษยชาติตามนัยและเจตนารมณ์แห่งธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศดังที่ได้วินิจฉัย
ข้างต้นแล้ว ปัญหาที่จะต้องพิจารณาต่อไปจึงได้แก่ กรณีจะต้องด าเนินการอย่างไรเพื่อให้ผู้ก าหนดนโยบาย
ดังกล่าวได้รับโทษ
หากการเสนอเรื่องความผิดฐานการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติต่อศาลอาญาระหว่าง
ประเทศเป็น “เป้าหมายหลัก” และ “เป้าหมายสูงสุด” ของการด าเนินการเพื่อให้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อ
การด าเนินนโยบายดังกล่าวได้รับโทษ ปัญหาที่จะต้องพิจารณาเสียแต่ในเบื้องต้น ได้แก่ ค าถามที่ว่า
ประเทศไทยอยู่ภายใต้บังคับของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ และอยู่ภายใต้
เขตอ านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ ดังนั้น ในส่วนนี้จะได้กล่าวถึงข้อพิจารณาส าคัญ
สามประการ ได้แก่ (๑.๑) ประเทศไทยอยู่ภายใต้บังคับของธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่าง
ประเทศ และเขตอ านาจของศาลอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ (๑.๒) รูปแบบของความรับผิดของบุคคลที่
ต้องรับผิดชอบ และ (๑.๓) การฟ้องคดีการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ
(๑.๑) ประเทศไทยอยู่ภำยใต้บังคับของธรรมนูญกรุงโรมว่ำด้วยศำลอำญำระหว่ำง
ประเทศ และศำลอำญำระหว่ำงประเทศหรือไม่
ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น สนธิสัญญาหรือกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศจะมีผลผูกพันต่อรัฐ
หนึ่งรัฐใดให้ต้องถือปฏิบัติตามก็ต่อเมื่อรัฐนั้นได้แสดงความยินยอมเข้าผูกพันด้วยการให้สัตยาบัน
(Ratification) หรือให้ความเห็นชอบ (Approval) ดังนั้น การลงนามของผู้แทนรัฐในสนธิสัญญาในทาง
หลักการจึงยังไม่ก่อให้เกิดผลผูกพันต่อรัฐทันที หากแต่จนกว่าจะมีการให้สัตยาบันหรือให้ความยินยอม
ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแก่สนธิสัญญานั้น เมื่อรัฐได้ให้สัตยาบันหรือให้ความยินยอมที่จะผูกพันตาม
สนธิสัญญาหรือกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศต่างๆ แล้ว การให้สัตยาบันหรือความยินยอมดังกล่าวย่อมน ามา
ซึ่งผลทางกฎหมายต่อความผูกพันของรัฐตามสนธิสัญญาโดยทันที ดังที่ก าหนดไว้ในข้อ ๑๖ แห่งอนุสัญญา
๔๑๙
กรุงเวียนนาฯ ซึ่งเป็นความผูกพันอย่างเป็นทางการหรือ “ความผูกพันในทางกฎหมาย” (de jure) ของ
รัฐนั้นตามสนธิสัญญาที่รัฐได้ให้ความยินยอมนั้น โดยนัยดังกล่าว แม้ประเทศไทยจะได้ลงนามรับรอง
๔๑๙ Vienna Convention, Article 16. EXCHANGE OR DEPOSIT OF INSTRUMENTs OF RATIFICATION,
ACCEPTANCE, APPROVAL OR ACCESSION
“Unless the treaty otherwise provides, instruments of ratification, acceptance, approval
or accession establish the consent of the State to be bound by a treaty upon:
(a) Their exchange between the contracting States;
(b) Their deposit with the depositary;
(c) Their notification to the contracting States or to the depositary, if so agreed.”