Page 147 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 147
๑๓๐
ศาล ICTR เคยอธิบายความหมายของค าว่า “อย่างเป็นระบบ” ไว้ในคดี
Prosecutor v. Akayesu (๑๙๙๘)๓๐๙ ว่า เป็นการกระท าผ่านองค์กรโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการ
ปฏิบัติตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่ส าคัญของรัฐหรือเอกชน (substantial public or private
resources)
โดยนัยดังกล่าว การโจมตีหรือการประทุษร้ายอย่างเป็นระบบจึงต้องมีพื้นฐาน
มาจาก “นโยบาย” ของรัฐหรือองค์การที่เกี่ยวข้อง (a State or organisational policy requirement)
เป็นส าคัญ รัฐบาลหรือองค์กรที่มีอ านาจท าการก าหนดนโยบายไว้ล่วงหน้า และองค์กรต่างๆ หรือ
เจ้าหน้าที่ของรัฐก็รับนโยบายดังกล่าวไปด าเนินการหรือปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายนั้น
โดยเคร่งครัด ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวไม่จ าเป็นต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ และไม่จ าเป็นต้องมี
๓๑๐
ความชัดเจนครบถ้วน ผลที่ตามมา คือ การกระท าความผิดต่างๆ เป็นการด าเนินการตามขั้นตอน
ที่จ าเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่นโยบายของรัฐมุ่งหมายหรือมุ่งประสงค์ จึงสังเกตได้ว่าการกระท า
ความผิดอาญาในลักษณะต่างๆ ตามข้อ ๗ วรรคหนึ่ง จึงกระท าโดยองค์กรหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อ านาจ
ขององค์กรหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐตามสายการบังคับบัญชา ใช้กลไกหรือเครื่องมืออันเป็นทรัพยากรของรัฐ
ในการด าเนินการตามขั้นตอน ทั้งนี้ เนื่องจากการใช้อ านาจรัฐ กลไกและเครื่องมือของรัฐ ตลอดจน
ทรัพยากรของรัฐในการกระท าความผิดต่างๆ นั้นย่อมจะก่อให้เกิดผลกระทบที่ “รุนแรงยิ่งกว่า”
การกระท าที่มีลักษณะเป็นครั้งคราว (Random) ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐได้
“ดียิ่งกว่า” การกระท าเป็นเอกเทศหรือไม่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายของรัฐ โดยนัยดังกล่าว หากการโจมตี
หรือการประทุษร้ายในวงกว้างมุ่งหมายการกระท าที่ส่งผลกระทบ “เชิงปริมาณ” การโจมตีหรือการ
ประทุษร้ายอย่างเป็นระบบจึงมุ่งเน้นที่ “คุณภาพ”ของการกระท าการ
ประเด็นปัญหาส าคัญประการหนึ่งที่จะต้องพิจารณา คือ ความในข้อ ๗ วรรค
หนึ่งของธรรมนูญกรุงโรมฯ ใช้ถ้อยค าว่า “การโจมตีในวงกว้างหรืออย่างเป็นระบบ” (a widespread or
systematic attack) ท าให้เกิดการตีความว่าการกระท าความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติจะต้อง
เป็นการโจมตีครบตามองค์ประกอบทั้งสองประการ (conjunctive) คือ เป็นการโจมตีอย่างกว้างขวาง
(widespread) และอย่างเป็นระบบ (systematic) หรือเป็นการโจมตีตามองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่ง
เพียงประการเดียว (disjunctive) เท่านั้น
ต่อประเด็นปัญหาดังกล่าว ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ได้ให้ข้อสังเกต
เกี่ยวกับถ้อยค าว่า "widespread" or "systematic" ไว้ว่า การบัญญัติถ้อยค าดังกล่าวใน
ข้อ ๗ ของธรรมนูญกรุงโรมฯ เป็นการบัญญัติแบบ “เปิดทางเลือก” (presented in the alternative)
ไว้ส าหรับการใช้และการตีความกฎหมาย โดยศาลเห็นว่าหากการโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในวงกว้าง
(widespread) กรณีก็ไม่จ าต้องพิจารณาต่อไปว่าการโจมตีนั้นเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ (systematic)
๓๐๙
Prosecutor v. Akayesu, Judgement, No. ICTR-96- 4-T (Sept. 2, 1998) อ้างจากเชิงอรรถที่ 20 ใน
Darryl Robinson, “Defining “Crime Against Humanity” at the Rome Conference,” The American
Journal of International Law, Vol. 93, No. 1 (Jan., 1999), p. 47.
๓๑๐ โปรดดู พันต ารวจตรีกฤษฎิ์ สถิตย์วัฒนานนท์, อ้างแล้ว, หน้า ๑๒.