Page 143 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 143

๑๒๖




                   ตามความเป็นจริง (de facto control over territory) โดยในคดี The Prosecutor v. Dusko Tadić
                   (๑๙๙๗)  ศาลได้กล่าวว่า ความรับผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ไม่จ าเป็นต้องอยู่ในรูปของนโยบาย

                   ของรัฐซึ่งกระท าต่อประชากรที่เป็นพลเมืองอย่างเป็นทางการ (formal       state     policy)
                   ในกรณีที่มีการกระท าอันเป็นการโจมตีพลเรือนโดยองค์การอื่นซึ่งมิใช่รัฐ (non-state   actors)
                   การพิสูจน์ให้เห็นว่าองค์การอื่นซึ่งมิใช่รัฐได้เข้าควบคุมเขตพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นการเฉพาะตามความเป็น
                   จริง ย่อมถือว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่ามีการกระท าความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่
                   เกิดขึ้นจาก “นโยบายที่ไม่เป็นทางการ” (informal  policy)  ขององค์การอื่นซึ่งมิใช่รัฐ (non-state
                                ๒๙๐
                   actors) นั้นแล้ว
                                         ส่วนการค้นหานโยบายที่ไม่เป็นทางการเหล่านั้น สามารถสรุปได้จากเส้นทาง
                   ของการกระท าที่ได้เกิดขึ้น  (way  in  which  the  act  occur)  และหากการกระท าดังกล่าวเกิดขึ้นใน

                   วงกว้าง (widespread)  หรือเป็นระบบ (systematic)  สิ่งเหล่านี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าการกระท าดังกล่าว
                   ได้รับการสนับสนุนจากนโยบาย ไม่ว่านโยบายนั้นจะเป็นทางการหรือไม่ก็ตาม ซึ่งท้ายที่สุดก็จะพบว่าการ
                   กระท าความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีนโยบายก าหนดให้มีการกระท า
                               ๒๙๑
                   ดังกล่าวเท่านั้น
                                         (๓)    การมีอยู่ของแผนหรือนโยบายไม่ได้ก่อให้เกิดเป็นองค์ประกอบของความ
                   รับผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติตามธรรมนูญ ICTY แต่อย่างไรก็ดี เครื่องมือที่ใช้ในการด าเนินงานจะ
                   เป็นพยานหลักฐาน (evidentiary  tool)  เพื่อพิสูจน์ว่าได้มีการกระท าต่อประชากรที่เป็นพลเรือน หรือมี
                   การโจมตีในวงกว้างหรือเป็นระบบ

                                         ในคดี The Prosecutor v. Dragoljub Kunarac (๒๐๐๒) ศาลได้อธิบายว่า
                   ไม่ว่าการโจมตีนั้นจะเกิดขึ้นโดยได้รับการสนับสนุนจากนโยบาย (policy)      หรือแผน (plan)
                   ในรูปแบบใดก็ตาม กรณีก็ไม่มีความจ าเป็นที่จะต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงการมีอยู่ของนโยบายหรือแผน
                   ซึ่งน าไปสู่การโจมตีดังกล่าว เพราะการพิสูจน์ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโจมตีโดยตรงต่อประชากรที่

                   เป็นพลเรือน และพิสูจน์ให้เห็นว่าการโจมตีเกิดขึ้นในวงกว้างหรือเป็นระบบนั้นต่างหาก
                   ที่ถือว่าเป็นองค์ประกอบของความรับผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อีกทั้งในการพิสูจน์องค์ประกอบ
                   ทางกฎหมายดังกล่าวก็ไม่มีความจ าเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าการโจมตีนั้นเป็นผลมาจากนโยบายหรือแผนที่

                   มีอยู่ เพราะการโจมตีโดยตรงต่อประชากรที่เป็นพลเรือน และการโจมตีในวงกว้างหรือเป็นระบบ
                   ย่อมแสดงให้เห็นถึงข้อเท็จจริงได้ว่ามีนโยบายหรือแผนในการด าเนินงานอยู่แล้ว ดังนั้น การมีอยู่ของ
                   นโยบายหรือแผนจึงอาจเป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องในคดี (evidentially  relevant)  แต่ไม่ถือว่าเป็น
                   องค์ประกอบทางกฎหมายของความรับผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (not  a  legal  element  of
                             ๒๙๒
                   the crime)





                          ๒๙๐
                              The Prosecutor v. Dusko Tadić (Trail Chamber Opinion and Judgment) IT-94-I-T (7 May
                   1997) para 654-55.
                          ๒๙๑
                              อ้างแล้ว, para 653.
                          ๒๙๒
                              The Prosecutor v. Dragoljub Kunarac, Radomir Kovac and Zoran Vuković (Appeals
                   Chamber Judgment) IT-96-23 and IT-96-23/1-A (12 June 2002), para. 98.
   138   139   140   141   142   143   144   145   146   147   148