Page 146 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 146

๑๒๙




                                         ในเรื่องนี้ ศาล ICTR   ได้เคยอธิบายความหมายของค าว่า “ในวงกว้าง”
                   (widespread) ไว้ในคดี Prosecutor  v.  Akayesu  (๑๙๙๘) โดยศาลเห็นว่าการโจมตีหรือการก่อให้เกิด

                   ผลกระทบในวงกว้าง สามารถพิจารณาจากลักษณะของการโจมตีที่กระท าในวงกว้าง (the  large-scale
                   nature of the attack) ซึ่งจะต้องมีความเสียหายเป็นจ านวนมาก (massive) และความเสียหายนั้นต้อง
                   เกิดขึ้นอยู่เสมอ (frequent)  โดยความเสียหายต้องเกิดขึ้นอย่างร้ายแรงและโดยตรงต่อกลุ่มบุคคลซึ่งเป็น
                                 ๓๐๕
                   เหยื่อจ านวนมาก
                                         โดยนัยดังกล่าวข้างต้น การโจมตีหรือการประทุษร้ายในวงกว้างจึงมุ่งที่
                   การก่อให้เกิดความสูญเสีย ความเสียหาย หรือผลกระทบต่อเหยื่อหรือบุคคลทั้งหลายในวงกว้าง๓๐๖
                   เป็นส าคัญ ไม่จ าต้องมีความรุนแรงถึงระดับเป็นการขัดแย้งด้วยก าลังอาวุธ (an  armed  conflict)
                   ไม่ว่าภายในประเทศหรือภายนอกประเทศ และไม่จ าต้องครอบคลุมพื้นที่ ขนาดใหญ่ การโจมตี

                   ในวงกว้างจึงประกอบด้วยการกระท าความผิดในลักษณะต่างๆ ซ้ าแล้วซ้ าเล่า และก่อให้เกิด
                   ความเสียหายแก่เหยื่อหรือผู้เสียหายเป็นจ านวนมาก ซึ่งมิใช่กรณีของการกระท าความผิดอาญา
                   ที่เป็นเอกเทศต่อเหยื่อทั้งหลายที่ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกัน  (isolated  crimes  against
                   unconnected victims)

                                         ■ การโจมตีหรือการประทุษร้ายอย่างเป็นระบบ (a systematic attack)
                                         หากการโจมตีหรือการประทุษร้าย (หรือการก่อให้เกิดผลกระทบ)
                   ในวงกว้างมุ่งเน้นนัยเชิงปริมาณ การโจมตีหรือการก่อให้เกิดผลกระทบอย่างเป็นระบบมุ่งหมาย

                   ถึงนัย  “เชิงคุณภาพ” (a  qualitative  meaning) ๓๐๗ หรือ “วิธีด าเนินการ” กล่าวคือการกระท า
                   ความผิดต่างๆ ดังที่ก าหนดไว้ในข้อ ๗ วรรคหนึ่ง ธรรมนูญกรุงโรมฯ ได้กระท าขึ้นอย่างเป็นระบบ
                   มีการวางแผน มีการประสานงานและก าหนดแนวทางการด าเนินการเป็นขั้นเป็นตอน (high  degree  of
                   orchestration  and  methodical  planning)๓๐๘  มีการก าหนดองค์กรด าเนินการในล าดับชั้นต่างๆ
                   และก าหนดการด าเนินการหรือการปฏิบัติการต่างๆ เพื่อน าไปสู่เป้าหมายของนโยบายของรัฐบาลหรือ

                   องค์กรของรัฐที่มีอ านาจ









                          ๓๐๕  Pre-Trial Chamber I, Katanga decision, ICC-01/04-01/07-717, paras 395 and 398; ICTR, The
                   Prosecutor v. Akayesu, Case No. ICTR-96-40-T, "Trial Judgment", 2 September 1998, para. 580.
                          ๓๐๖
                               การโจมตีที่กว้างขวางอาจเป็นการโจมตีในลักษณะสะสมต่อเนื่องท าให้เกิดผู้เสียหายวงกว้าง (cumulative
                   effect of act) เช่น การกระท าทรมานสะสมต่อเนื่องในวงกว้างโดยมีผู้เสียหายหลายคน ลักษณะนี้เป็นการโจมตีที่กว้างขวาง
                   ประเภทมีความถี่ (frequency) ของการกระท า หรือเป็นการโจมตีในลักษณะครั้งเดียวแต่มีขนาดความเสียหายที่ใหญ่มาก
                   ผิดปกติ (extraordinary  magnitude) เช่น การใช้อาวุธร้ายแรงเช่นนิวเคลียร์ ถล่มครั้งเดียว แต่มีผู้เสียหายจ านวนมาก
                   ลักษณะนี้เป็นการโจมตีแบบกว้างขวางประเภทมีความรุนแรง (magnitude)  ในการกระท า โปรดดู ปกป้อง ศรีสนิท,
                   ค าอธิบายกฎหมายอาญาระหว่างประเทศ, กรุงเทพ:  โครงการต าราและเอกสารประกอบการสอน คณะนิติศาสตร์
                   มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๕๖, หน้า ๖๙ - ๗๐.
                          ๓๐๗
                              โปรดดู Kai Ambos, อ้างแล้ว, p. 284.
                          ๓๐๘
                              Darryl Robinson, “Defining “Crime Against Humanity” at the Rome Conference,” The
                   American Journal of International Law, Vol. 93, No. 1 (Jan., 1999), p. 47.
   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151