Page 140 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 140
๑๒๓
■ การโจมตีหรือประทุษร้ายต้องเป็นผลมาจากนโยบายของรัฐหรือองค์การใด
องค์การหนึ่ง
การโจมตีหรือประทุษร้าย (ประชากรที่เป็นพลเรือน) ต้องเป็นผลมาจากนโยบาย
ของรัฐหรือองค์การใดองค์การหนึ่ง ซึ่งมีประเด็นที่ต้องพิจารณาตามล าดับ ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง ที่มาขององค์ประกอบเรื่องนโยบาย (policy element) และ
ความหมายของนโยบายของรัฐหรือองค์การ องค์ประกอบเรื่องนี้ หมายถึง การโจมตีต่อประชากรที่เป็น
พลเรือนต้องเป็นผลโดยตรงจากการวางแผนหรือการสั่งการจากรัฐหรือองค์การ (element of planning
๒๗๗
or direction) โดยในคราวที่มีการยกร่างกฎบัตรนูเรมเบิร์ก ที่ประชุมได้ให้ความส าคัญต่อประเด็น
ดังกล่าว โดยเห็นว่าองค์ประกอบเรื่องนโยบาย (policy element) ในที่นี้ หมายถึง นโยบายที่เกี่ยวข้องกับ
การกระท าที่ชั่วร้าย (policy of atrocities ) ซึ่งเป็นการรังควานต่อประชากรที่เป็นพลเรือน
(persecutions against civilian population) นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงนโยบายสร้างความ
หวาดกลัว (policy of terror) ที่เกี่ยวข้องกับการรังควาน การลงโทษและการฆาตกรรมพลเรือน
๒๗๘
(persecutions, repression and murder of civilians)
การก าหนดองค์ประกอบเรื่องนโยบาย (policy element) เป็นผลมาจากการ
ท างานของคณะกรรมการกฎหมายระหว่างประเทศ (International Law Commission : ILC) ตลอดจน
การวางแนวค าตัดสินของศาล ICTY และจากงานเขียนของนักกฎหมายต่างๆ กล่าวคือ
ในคราวที่มีการยกร่างประมวลกฎหมายอาญา (Code of Crimes) ของ ILC ที่ประชุมได้ก าหนดให้การ
กระท าความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติทุกประเภท ต้องได้รับการส่งเสริม (instigated) หรือเป็น
๒๗๙
ผลมาจากรัฐบาลหรือองค์การหรือบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในประเด็นนี้ ILC ได้ให้ข้อสังเกตว่า
ผลโดยตรงหรือการส่งเสริมดังกล่าว จะต้องก่อให้เกิดการกระท าซึ่งมีขนาดใหญ่ (great dimension) และ
๒๘๐
ก่อให้เกิดอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ (crime against humanity) นอกจากนี้ ศาล ICTY เคยวาง
หลักการตีความค าว่า “directed against any civilian population” ไว้ว่าการกระท าดังกล่าวต้องเกิด
๒๘๑
จากการกระท าของรัฐบาล องค์กร หรือบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ในขณะที่นักกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น Virginia Morris and Michael
Scharf ได้กล่าวในงานเขียนเรื่อง “The Insider's Guide to the International Criminal Tribunal
for the Former Yugoslavia” โดยอธิบายว่า “การโจมตีหรือประทุษร้ายโดยตรงต่อประชากรที่เป็น
๒๗๗
Darryl Robinson, “Defining “Crime Against Humanity” at the Rome Conference,” The
American Journal of International Law, Vol. 93, No. 1 (Jan., 1999), p. 48.
๒๗๘
Darryl Robinson, “Defining “Crime Against Humanity” at the Rome Conference,”
The American Journal of International Law, Vol. 93, No. 1 (Jan., 1999), p. 48.
๒๗๙ Report of the International Law Commission on the work of its forty-eighth session, UN
GAOR, 51st Sess., Supp. No. 10, at 14, UN Doc. A/51/10 (1996) [hereinafter 1996 ILC Report]. at 93, 95-
96.
๒๘๐
Report of the International Law Commission on the work of its forty-eighth session, UN
GAOR, 51st Sess., Supp. No. 10, at 14, UN Doc. A/51/10 (1996) [hereinafter 1996 ILC Report]. at 96.
๒๘๑
Prosecutor v. Tadic, Opinion and Judgment, No. IT-94-1-T, para. 644 (May 7, 1997), 36 ILM
at 941.