Page 137 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 137

๑๒๐




                   หรือบุคคลผู้ท าการต่อสู้เพื่อต่อต้านซึ่งได้ปลดวางอาวุธ (laid down their arms) และมีสถานะเป็นผู้ป่วย
                                                                                            ๒๖๐
                   ในโรงพยาบาล (patients in a hospital) ย่อมสามารถเป็นเหยื่อจากการโจมตีได้ทั้งสิ้น”
                                         ในคดี The Prosecutor v. Dusko Tadić (๑๙๙๗) ศาลได้ให้ความส าคัญกับ
                   แนวค าพิพากษาในคดี Barbie เป็นอย่างมาก โดยศาลเห็นว่า ประชากรซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของการโจมตี
                   ได้แก่ พลเรือน (civilian)  ทั้งหลายซึ่งอยู่ภายใต้ความมุ่งหมายของความรับผิดฐานอาชญากรรมต่อ
                            ๒๖๑
                   มนุษยชาติ  และไม่เพียงแต่เป็นประชากรทั่วไป (general population) เท่านั้นที่จะได้รับการพิจารณา
                   ว่าเป็นพลเรือนของรัฐ หากแต่ยังรวมถึงสมาชิกของกลุ่มผู้ต่อต้าน (member of the resistance) ซึ่งอาจ
                                                                                            ๒๖๒
                   กลายเป็นเหยื่อของการโจมตีอันน าไปสู่ความรับผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติอีกด้วย
                                         ศำล ICTR
                                         ในคดี The  Prosecutor  v.  Jean-Palu  Akayesu  (๑๙๙๘)  ศาล ICTR

                   ได้น าค าพิพากษาในคดี Barbie  มาใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาเช่นเดียวกัน โดยศาลกล่าวว่า
                   การกระท าอันไร้มนุษยธรรมและการกระท าอันเป็นการรังควานที่เกิดขึ้นจากการด าเนินการตามนโยบาย
                   ของรัฐหรือองค์การที่จะน าไปสู่ความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาตินั้น ไม่เพียงแต่เป็นการโจมตีต่อ
                   กลุ่มบุคคล (individuals)        อันเนื่องม า จากเชื้อชาติ หรือความเชื่อทางศาสนาของ

                   กลุ่มบุคคลเหล่านั้น แต่ยังรวมถึงการโจมตีที่ได้กระท าต่อผู้ที่เป็นปฏิปักษ์กับนโยบายดังกล่าว (adversary
                                                                                                  ๒๖๓
                   of that policy) ไม่ว่าการปฏิปักษ์นั้นจะมีรูปแบบใดก็ตาม (whatever the form opposition)
                                         จากแนวค าพิพากษาของศาล ICTY  และ ICTR  ดังที่ได้  กล่าวแล้วข้างต้น จะ
                   เห็นว่ามีการให้นิยามความหมายของค าว่า “พลเรือน” (civilian)    ไปในทิศทางที่สอดคล้องกับ

                   ค าพากษาของศาลฎีกาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสในคดี Barbie  โดยให้ค านิยามของค าว่า “พลเรือน”
                   (civilian)  ในความหมายอย่างกว้าง โดยครอบคลุมถึงประชากรที่เป็นพลเรือนโดยทั่วไป (general
                   population) รวมถึงประชากรพลเรือนที่ท าการเคลื่อนไหวอย่างจริงจังเพื่อการต่อต้าน (civilian actively
                   involved in a resistance movement) ในลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์กับนโยบายของรัฐหรือขององค์กร ไม่

                   ว่าการปฏิปักษ์เช่นว่านั้นจะมีรูปแบบใดก็ตาม
                                         มีข้อสังเกตว่า การนิยามความหมายของค าว่า “พลเรือน”       (civilian)
                   ในความหมายอย่างกว้างตามที่ได้กล่าวมาข้างต้นย่อมเป็นข้อสนับสนุนได้ว่า ทหารที่ไม่สามารถท าการสู้รบ

                   หรือต่อสู้ได้ (soldier  hors  de  combat)  ย่อมอยู่ในความหมายของค าว่า “พลเรือน” (civilian)  ด้วย
                         ๒๖๔
                   นั่นเอง

                                         ประเด็นที่สอง ค าว่า “พลเรือน” ในที่นี้จ าเป็นต้องเป็นพลเรือนที่อาศัยอยู่ใน
                   ประเทศนั้นๆ ด้วยหรือไม่


                          ๒๖๐
                              Caroline Fournet, เพิ่งอ้าง.
                          ๒๖๑
                              The Prosecutor v. Dusko Tadić (Trail Chamber Opinion and Judgment) IT-94-I-T (7 May
                   1997) paras 639.
                          ๒๖๒  The Prosecutor v. Dusko Tadić (Trail Chamber Opinion and Judgment) IT-94-I-T (7 May
                   1997) paras 641.
                          ๒๖๓
                              The Prosecutor v. Jean-Palu Akayesu (Trial chamber Judgment) ICTR-96-4-T (2 September
                   1998) paras 576.
                          ๒๖๔
                              Caroline Fournet, Genocide and Crimes against humanity : Misconceptions and confusion
                   in French law and practice, (Oxford and Portland ,Oregon : Hart Publishing), 2013, p. 19.
   132   133   134   135   136   137   138   139   140   141   142