Page 127 - รายงานการศึกษา ปัญหาและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนจากนโยบายของรัฐบาลในการประกาศสงครามต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด เมื่อปี พ.ศ. 2546
P. 127

๑๑๐




                   วาจาของรัฐภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งหลายไว้ในรายงานอีกด้วย และคณะกรรมการจะต้องส่งรายงานการ
                                                       ๒๓๕
                   พิจารณาไปให้รัฐภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งหลายนั้น
                                         อย่างไรก็ตาม การรับและการพิจารณาเรื่องร้องเรียนโดยคณะกรรมการดังกล่าว
                   ข้างต้นจะมีผลใช้บังคับได้ก็ต่อเมื่อรัฐภาคีจ านวนห้ารัฐได้ท าการประกาศยอมรับอ านาจของคณะกรรมการ
                       ๒๓๖
                   แล้ว
                                         (๒) อำชญำกรรมต่อมนุษยชำติ (Crime  against  humanity) ตำม
                   ธรรมนูญแห่งกรุงโรมว่ำด้วยศำลอำญำระหว่ำงประเทศ (Rome  Statute  of  the  International

                   Criminal Court)
                                                                                                       ๒๓๗
                                         ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (“ธรรมนูญกรุงโรมฯ”)
                                                     ๒๓๘
                   เป็นสนธิสัญญา (Treaty) ประเภทหนึ่ง  ซึ่งประเทศภาคีต่างๆ ได้ร่วมกันลงนามเพื่อการจัดตั้งและ
                   ก าหนดเขตอ านาจศาลอาญาระหว่างประเทศ (International  Criminal  Court) ขึ้น เพื่อพิจารณาการ
                   กระท าอันเป็นความผิดอาญาที่จัดว่าเป็น “อาชญากรรมที่ร้ายแรง” ซึ่งมีมิติเกี่ยวด้วย “ภัยคุกคามความ
                   มั่นคงต่อมนุษยชาติ” อันเป็นความผิด “อาชญากรรมระหว่างประเทศ” และมี“ลักษณะเฉพาะ” ที่
                   “เกินกรอบ” ทั้งต่อบทกฎหมายภายใน และต่อเขตอ านาจของศาลภายในของแต่ละประเทศ
                                                                                       ๒๓๙
                   ในอันที่จะสามารถพิจารณาคดีและลงโทษผู้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงเช่นนั้นได้  เนื่องจากเป็นการ

                          ๒๓๕
                              CAT, Article 41, paragraph 1 (h) (i) (ii).
                          ๒๓๖
                              CAT, Article 41, paragraph 2.
                          ๒๓๗
                              ธรรมนูญกรุงโรมฯ กระท าขึ้นเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๙๘ และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑
                   กรกฎาคม ค.ศ. ๒๐๐๒ (พ.ศ. ๒๕๔๕)
                                  เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของธรรมนูญกรุงโรมฯ โปรดดู Magaret M. de Guzmann, Crimes against
                   humanity, Temple University Law Review, 2010, p. 5.

                          ๒๓๘  ข้อ ๒ วรรคหนึ่ง (a) แห่งอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา (Vienna Convention  on
                   the Law of Treaties 1969) นิยามค าว่าสนธิสัญญาไว้ว่า “สนธิสัญญา” หมายความว่าข้อตกลงระหว่างประเทศที่ได้ท า
                   ขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างรัฐต่างๆ และอยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะได้ท าขึ้นเป็นฉบับเดียวหรือสอง
                   ฉบับผนวกเข้าด้วยกัน และไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างใดก็ตาม” ("Treaty"  means  an  international  agreement
                   concluded between States in written form and governed by international law, whether embodied in a
                   single instrument or in two or more related instruments and whatever its particular designation) โปรด
                   ดู ประสิทธิ์ เอกบุตร, กฎหมายระหว่างประเทศ เล่ม ๑: สนธิสัญญา, พิมพ์ครั้งที่ ๔ แก้ไขเพิ่มเติม (กรุงเทพมหานคร:
                   ส านักพิมพ์วิญญูชน, ๒๕๕๑), หน้า ๖๗.
                          ๒๓๙
                               ค าอธิบายประกอบธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (The  Rome  Statute
                   Explanatory Memorandum) อธิบายว่า “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” เป็น “การกระท าความผิดที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง
                   เนื่องจากเป็นการกระท าที่กระทบอย่างร้ายแรงต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือท าให้เกิดความอัปยศอดสูอย่างรุนแรงต่อ
                   คุณค่าความเป็นมนุษย์หรือลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของบุคคลหนึ่งหรือหลายคนลง การกระท าความผิดเหล่านี้มิใช่
                   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเอกเทศหรือเป็นครั้งคราว หากแต่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของรัฐบาล (แม้ว่าผู้กระท าความผิดมิ
                   จ าต้องแสดงตัวตนว่าเกี่ยวข้องกับนโยบายนี้อย่างไร) หรือการกระท าอันโหดร้ายอย่างกว้างขวางที่รัฐบาลหรือองค์กรที่มี
                   อ านาจตามข้อเท็จจริงยอมรับหรือให้อภัยได้ อย่างไรก็ตาม การฆ่าคน การก าจัด การทรมาน การข่มขืน การกลั่นแกล้ง
                   ด้วยเหตุทางการเมือง ชาติพันธุ์ หรือศาสนา ตลอดจนการกระท าอย่างอื่นอันมีลักษณะไร้มนุษยธรรม จะเข้าข่ายเป็น
                   อาชญากรรมต่อมนุษยชาติก็เฉพาะต่อเมื่อการกระท าเช่นว่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของการด าเนินการในวงกว้างหรืออย่างเป็น
   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132