Page 85 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 85
เป็นสิ่งส�าคัญและจ�าเป็นต่อการสร้างประชาคม การเป็นประชาคมเดียวกันของอาเซียนย่อมหมายความว่า ประชาชน
ในอาเซียนมีหลักการพื้นฐานและมีเป้าหมายระยะยาวร่วมกันและการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศ
สมาชิกหนึ่งย่อมเป็นประเด็นที่ประชาชนของประเทศสมาชิกอื่น ๆ และประชาคมต้องให้ความสนใจและสามารถหยิบยกขึ้น
พิจารณาเพื่อให้มีการพัฒนาปรับปรุงได้ ในประเด็นนี้สหภาพยุโรป (European Union) เป็นตัวอย่างที่ดีต่ออาเซียนใน
แง่ที่ว่า ประเทศที่มีความแตกต่างกันในระดับที่มากกว่าภูมิภาคอาเซียน และเคยก่อสงครามระหว่างกันหลายครั้งใน
ประวัติศาสตร์ ยังสามารถรวมตัวกันได้ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม โดยยึดถือหลักการสิทธิมนุษยชน
เป็นพื้นฐานที่ส�าคัญประการหนึ่ง (นอกเหนือจากหลักประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ) จึงไม่มีเหตุผลใดที่ความแตกต่างใน
ด้านต่าง ๆ ของประเทศสมาชิกอาเซียนจะถูกหยิบยกเป็นประเด็นต่อการพัฒนาประชาคมที่ยึดถือหลักการสิทธิมนุษยชน
อย่างสากล นอกจากนั้น ลักษณะจ�าเพาะของประเทศสมาชิกที่พึงต้องค�านึงถึง ต้องเป็นลักษณะจ�าเพาะที่ส่งเสริมหลักการ
พื้นฐานของประชาคม เช่น หลักการสิทธิมนุษยชน เท่านั้นโดยไม่อาจกล่าวอ้างถึงความจ�าเพาะในด้านการใช้ความรุนแรง
และการใช้สิทธิของคนหมู่มากเพื่อละเมิดสิทธิของคนกลุ่มที่มีอ�านาจต่อรองน้อยกว่า
๒. กระบวนการสรรหาและสถานะของผู้แทน
นอกจากประเด็นความเข้าใจหลักการสิทธิมนุษยชนแล้ว กระบวนการสรรหาและคัดเลือกผู้แทน
AICHR เป็นอีกประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ ซึ่งสามารถแยกพิจารณาได้ ดังนี้
๑) ส�าหรับประเด็นกระบวนการสรรหาผู้แทน เอกสารขอบเขตอ�านาจหน้าที่ก�าหนดให้ประเทศ
สมาชิกควรปรึกษากับผู้มีส่วนได้เสียที่เหมาะสมในการแต่งตั้งผู้แทนเข้าร่วมในคณะกรรมาธิการ ทั้งนี้ หากเป็นข้อก�าหนด
ตามกระบวนภายในของประเทศสมาชิก ในทางปฏิบัติ วิธีการสรรหาและคัดเลือกผู้แทนประเทศสมาชิกที่ใช้กันมีอยู่ ๒ วิธี
วิธีแรกคือการที่ประเทศสมาชิกจัดกระบวนการสรรหาผู้แทนแบบเปิด คือ มีการเปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ามาเป็นผู้แทน
AICHR และวิธีที่สอง คือ การที่รัฐบาลของประเทศสมาชิกแต่งตั้งผู้แทนเองตามความเหมาะสม มาตรฐานของกระบวนการ
สรรหาและคัดเลือกที่แตกต่างกันย่อมน�ามาสู่ที่มาและสถานะตลอดจนระดับความเข้าใจและทัศนคติต่อประเด็นสิทธิ
มนุษยชนที่แตกต่างกันระหว่างผู้แทนของแต่ละประเทศ ส�าหรับประเทศไทย ในการแต่งตั้งผู้แทนใน AICHR ที่ผ่านมาใช้
วิธีการเปิดรับสมัครอย่างเปิดเผยและมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาเพื่อพิจารณาคุณสมบัติและวิสัยทัศน์ของผู้สมัคร
เป็นผู้แทน ในภาพรวมของ AICHR ผู้แทนของประเทศสมาชิกส่วนใหญ่เป็นข้าราชการหรืออดีตข้าราชการจากกระทรวง
การต่างประเทศของประเทศสมาชิกที่แต่งตั้ง ส่วนน้อยจะมีที่มาจากภาคส่วนอื่น เช่น นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน
(ในกรณีอินโดนีเซีย) หรือนักกฎหมายที่มิได้มีสถานะเป็นข้าราชการ (ในกรณีประเทศไทย)
๒) มีข้อก�าหนดหลายประการในเอกสารขอบเขตอ�านาจหน้าที่ที่น�ามาสู่การตีความที่แตกต่างกัน
เกี่ยวกับกรอบการท�างานและสถานะของผู้แทน โดยในประการแรก ผู้แทนจะต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลาง (Impartially)
ตามกฎบัตรอาเซียนและเอกสารขอบเขตอ�านาจหน้าที่ ในขณะที่ยังมีข้อก�าหนดอีกข้อหนึ่งที่ก�าหนดให้ผู้แทนมีความรับผิดชอบ
(Accountable) ต่อรัฐบาลที่แต่งตั้ง และแม้ว่าผู้แทนจะมีวาระการด�ารงต�าแหน่งที่แน่นอน คือ ๓ ปี แต่รัฐบาลประเทศ
ที่แต่งตั้งอาจเปลี่ยนผู้แทนได้ตามที่เห็นสมควร ข้อก�าหนดที่มีความแตกต่างกันดังกล่าวท�าให้เกิดการตีความสองทาง
ในทางหนึ่ง ผู้แทนใน AICHR ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นกลางซึ่งหมายถึงความเป็นอิสระในการท�างานและให้ความเห็น
เกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นเอกเทศ ในอีกทางหนึ่ง มีการให้ความเห็นว่า ผู้แทน AICHR มีความรับผิดชอบ
ต่อรัฐบาลที่แต่งตั้ง ซึ่งหมายถึงการขอรับนโยบายและรายงานการท�างานต่อรัฐบาล (ซึ่งมีอ�านาจถอดถอนผู้แทนก่อนครบ
วาระ) ซึ่งความแตกต่างนี้ประกอบกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะของผู้แทนที่ได้กล่าวถึงข้างต้นที่ว่าผู้แทนส่วนใหญ่มีสถานะ
84
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ