Page 89 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 89

เลขาธิการอาเซียนสามารถร้องขอให้คณะกรรมาธิการปฏิบัติภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องได้  ซึ่งอาจน�าไปสู่การ
          ร้องขอให้มีคณะกรรมาธิการมีการสร้างกลไกรับเรื่องราวร้องทุกข์  แต่จนกระทั่งถึงปัจจุบันทั้งสององค์กรยังไม่เคยมีการใช้
          อ�านาจตามมาตราดังกล่าว ความคลุมเครือและการขาดการบัญญัติถึงกลไกรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนท�าให้

          คณะกรรมาธิการไม่สามารถปฏิบัติภารกิจด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากพิจารณากระบวนการ
          ตัดสินใจของคณะกรรมาธิการที่ใช้ฉันทามติเป็นหลัก ความคาดหวังของกลุ่มสิทธิมนุษยชนที่ต้องการให้มีการจัดตั้ง
          “ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งอาเซียน” ในลักษณะเดียวกับศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปหรือภูมิภาคอื่น ๆ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้

          ยากยิ่งในทศวรรษนี้  สิ่งที่มีความเป็นไปได้มากกว่าคือการปรับปรุงข้อก�าหนดในเอกสารขอบเขตอ�านาจหน้าที่ให้มีความ
          ชัดเจนมากยิ่งขึ้น  เพื่อให้คณะกรรมาธิการสามารถพิจารณาตรวจสอบประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศสมาชิก

          ตลอดจนการเสนอแนะให้มีการแก้ไขปรับปรุงที่เหมาะสม


                             ๒. ความท้าทายเกี่ยวกับการให้โอกาสผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยเฉพาะองค์กรในภาคประชาสังคม

          มีส่วนร่วมในกระบวนการปรับปรุงกลไกสิทธิมนุษยชน
                                AICHR มีประสบการณ์โดยตรงมาแล้วจากกรณีการยกร่างปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียนที่

          ได้รับการวิจารณ์จากองค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ที่ไม่ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
          หรือเปิดเผยเอกสารเพื่อการหารือเท่าที่ควร  ประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นและอาจเกิดขึ้นได้อีกในกระบวนการทบทวนขอบเขต
          อ�านาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ คือ การสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้แทนในคณะกรรมาธิการเกี่ยวกับการเปิด

          โอกาสให้องค์กรภาคประชาสังคมมีส่วนรับรู้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเพื่อสร้างความเป็นเจ้าของ (Ownership) ใน
          กระบวนการและผลผลิตที่จะเกิดขึ้น
                                โดยสรุป การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอาเซียน มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นล�าดับ

          นับตั้งแต่มีการจัดตั้งประชาคมอาเซียนและคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แต่ยังมีความ
          ท้าทายอีกหลายประการที่ต้องได้รับการจัดการร่วมกันอย่างเป็นระบบและจริงจังจากประเทศสมาชิกและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
          การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในปี  พ.ศ.  ๒๕๕๘  เป็นระยะเวลาที่จะพิสูจน์ว่ากลไกสิทธิมนุษยชนของอาเซียน

          จะสามารถพัฒนาได้อย่างมีมาตรฐานทัดเทียมกับภูมิภาคอื่น ๆ หรือไม่ โดยจะเป็นระยะเวลาที่มีการปรับปรุงเอกสารขอบเขต
          อ�านาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการตลอดจนกฎบัตรของอาเซียน ซึ่งเป็นความหวังของประชาชนอาเซียนว่าจะเป็นเสาหลัก

          ที่จะท�าให้สิทธิมนุษยชนของประชาชนอาเซียนได้รับการส่งเสริมและคุ้มครองที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง




                  ๖.๓ การพัฒนาตราสารด้านสิทธิมนุษยชน




                       ปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียน (AHRD) เป็นตราสารระดับภูมิภาคที่แสดงให้เห็นถึงเจตจ�านงทางการเมือง
          ของรัฐสมาชิกอาเซียนในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่างๆ และจะถูกใช้เป็นเอกสารอ้างอิงในการพัฒนา
          ตราสารสิทธิมนุษยชนอื่นๆ ของอาเซียน ทั้งที่เป็นตราสารทางการเมือง เช่น ปฏิญญาหรือแผนงานระดับภูมิภาค (Regional

          Plan of Action) และที่เป็นตราสารทางกฎหมาย เช่น อนุสัญญา โดยทิศทางเริ่มมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นเมื่อผู้น�าอาเซียน
          รับรองอนุสัญญาอาเซียนต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ASEAN Convention against Trafficking,
          Especially Women and Children) ซึ่งผ่านการเจรจาโดยที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Senior





        88
               ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94