Page 69 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 69
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
ทั้งสิทธิเชิงปัจเจกบุคคล คือค�าว่า Human Rights และสิทธิเชิงกลุ่มหรือสิทธิร่วมกันของประชาชนสะท้อนให้เห็นจาก
ค�าว่า Peoples Rights นั่นเอง
ประการที่สอง มาตรา ๒๔ แห่งกฎบัตรฯ เป็นที่ชัดเจนว่า กฎบัตรใช้ค�าว่า “ประชาชนทุกคน
มีสิทธิ..(All peoples shall have the right..)” ในขณะที่การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ ตามกฎบัตรฉบับนี้ เช่น
มาตรา ๓ มาตรา ๕ - ๙ จะระบุว่า “ปัจเจกบุคคลทุกคนมีสิทธิ... (Every individual shall have the right to...)”
แสดงให้เห็นแนวคิดในการแบ่งแยกการคุ้มครองสิทธิเชิงปัจเจกบุคคลกับสิทธิเชิงกลุ่มออกจากกันอย่างชัดเจน โดย
สิทธิในสิ่งแวดล้อมตามแนวคิดนี้จึงเป็นสิทธิเชิงกลุ่ม
ข. สิทธิในสิ่งแวดล้อมในฐานะสิทธิของปัจเจกบุคคล (As Individual Right)
แนวคิดฝ่ายที่สอง เห็นว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิเชิงปัจเจกบุคคลซึ่งได้รับอิทธิพลจากแนวคิด
ของลัทธิปัจเจกชนนิยมที่เห็นว่าสิทธิที่บุคคลจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีนั้น ผู้ถือสิทธิก็คือบุคคลหนึ่ง ๆ แต่มีความเป็นไปได้
ว่าผู้ถูกกระทบสิทธิอาจมีบุคคลหลายคนต้องถูกกระทบสิทธิ แต่ก็อาจแยกพิจารณาได้ว่าบุคคลคนใดถูกกระทบสิทธิ
มากน้อยเพียงใดได้ เช่น ผู้ที่อยู่ใกล้แหล่งมลพิษมากที่สุดย่อมต้องถูกกระทบสิทธิหรือได้รับผลร้ายมากที่สุด หาก
พิจารณาว่าประชาชนทั้งหมดถูกกระทบสิทธิร่วมกันจะส่งผลให้ผู้ที่เสียหายมากไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น
แนวคิดนี้จึงเห็นว่า ปัจเจกบุคคลเป็นผู้ถือสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่ใช่กลุ่มของประชาชนที่จะเป็นผู้ถือสิทธิ
ตราสารระหว่างประเทศทางด้านสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนแนวความคิดในการคุ้มครองสิทธิใน
สิ่งแวดล้อมที่ดีของปัจเจกบุคคล ตราสารแรก ๆ ได้แก่ ปฏิญญาสตอกโฮล์ม ในปี ๑๙๗๒ ดังปรากฏถ้อยค�าภาษาอังกฤษ
ต่อไปนี้
หลักการข้อ ๑ แห่ง Declaration of the United Nations Conference on the Human
Environment บัญญัติว่า “Man has the fundamental right to freedom, equality and adequate
conditions of life, in an environment of a quality that permits a life of dignity and well-being..”
ตามหลักการข้อ ๑ ของปฏิญญาสตอกโฮล์ม ใช้ค�าว่า “มนุษย์ (Man)” ซึ่งหมายถึงคน ๆ หนึ่งหรือ
ปัจเจกบุคคลนั่นเอง
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศในยุโรปและอเมริกาใต้ที่ยอมรับว่ามนุษย์มีสิทธิในการอยู่ในสิ่งแวดล้อม
ที่ดีต่างก็รับเอาแนวคิดของปัจเจกชนนิยมมาบัญญัติในตราสารระหว่างประเทศระดับภูมิภาค ปรากฏอยู่ในอนุสัญญา
อาร์ฮุซ ค.ศ. ๑๙๙๘ ในภูมิภาคยุโรป และพิธีสารเพิ่มเติมแห่งอนุสัญญาอเมริกันว่าด้วยสิทธิมนุษยชนในขอบเขตของ
สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ของภูมิภาคอเมริกาใต้ บัญญัติดังนี้
มาตรา ๑๑ แห่ง Additional Protocol to the American Convention on Human Rights in
the Area of Economics, Social and Cultural Rights บัญญัติว่า “Everyone shall have the right to live
in a healthy environment and to have access to basic public services”
มาตรา ๑ แห่ง Convention on Access to Information, Public Participation in Decision-
Making and Access to Justice in Environmental Matters บัญญัติว่า “In order to contribute to the
protection of the right of every person of present and future generations to live in an environment
adequate to his or her health and well-being...”
68