Page 66 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 66

ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
                                                                    เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน





                                  (๒) สิทธิในการมีส่วนร่วมของสาธารณะในกระบวนการตัดสินใจ (Right to Public Participation
                                       in Decision-Making) ซึ่งปรากฏใน Article 6 ถึง Article 8
                                  (๓) สิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม (Right to Access to Environmental

                                       Justice)



                                  กล่าวโดยสรุป จากการได้ศึกษาอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิ่งแวดล้อมต่างๆ เห็นได้ว่า
            ปัจจุบันยังไม่มีการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้อย่างชัดเจนในระดับกติกาสากล แต่ได้มีการกล่าวถึงความเชื่อมโยงระหว่าง
            การมีชีวิตของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีการตระหนักถึงสิทธิของชนพื้นเมืองไว้ในอนุสัญญาหลายฉบับ นอกจากนี้

            สิทธิเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเชิงกระบวนการอันเป็นเครื่องมือส�าคัญในการขับเคลื่อนไปสู่การคุ้มครองสิทธิเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม
            เชิงเนื้อหายังได้มีการบัญญัติรับรองและก�าหนดเป็นพันธกรณีไว้ในอนุสัญญาจ�านวนมาก





            ๒.๒ ประเด็นที่ยังมีข้อถกเถียงในทางวิชาการ



                  ๒.๒.๑ สิทธิในสิ่งแวดล้อมในฐานะสิทธิมนุษยชนโดยเอกเทศ
                         ในอดีตกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ (International Human Rights Law) กับกฎหมาย

            สิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ (International Environmental Law) ต่างมีพัฒนาการไปคนละแนวทางแยกจากกันเป็นอิสระ
            แนวคิดที่กฎหมายระหว่างประเทศทั้งสองประเภทนี้เริ่มจะมาบรรจบผสานกันเกิดขึ้นชัดเจนเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๒ ปรากฏ
            ตามปฏิญญาสตอกโฮล์ม  ซึ่งระบุว่า  “การคุ้มครองและการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมของมนุษย์เป็นประเด็นส�าคัญซึ่งจะสร้าง

                                    67
            ความกินดีอยู่ดีของปวงชน” ซึ่งท�าให้การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมมีแนวคิดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนปรากฏอยู่ด้วยคราวแรก
            และเริ่มปรากฏชัดเจนต่อมาในตราสารระหว่างประเทศ ทั้งตราสารที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และ

            ตราสารสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ทั้งในระดับสากลและในระดับภูมิภาค
                         ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า  สิทธิในสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นสิทธิมนุษยชนช่วงที่สาม  ที่ปัจจุบันยังขาดการยอมรับ
            ในวงวิชาการและการปฏิบัติของนานาอารยประเทศว่าเป็นสิทธิในฐานะสิทธิมนุษยชนอย่างเต็มรูปเป็นเอกเทศ จะมี

            บางประเทศอาจยอมรับและให้การคุ้มครองไว้บ้างแต่ยังมีจ�านวนจ�ากัด  ซึ่งการยอมรับมีส่วนดีในแง่ของการคุ้มครองสิทธิ
            เหล่านั้นให้กลายเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของกลุ่มหรือของปัจเจกบุคคลที่อยู่เหนือกว่ากฎหมายระดับพระราชบัญญัติและให้
            ศักดิ์ทางกฎหมายเทียบเท่ากฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศ ดังนั้น กฎหมายใด ๆ ที่ขัดต่อสิทธิมนุษยชนในช่วงที่สาม

            ย่อมต้องถูกลบล้างหรือยกเลิกเพิกถอนออกไป แต่ส่วนเสียก็มีอยู่มากโดยเฉพาะสิทธิในสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นสิทธิที่กระทบ
            กับสิทธิอื่น ๆ ที่อยู่ข้างเคียงและมีส่วนสัมพันธ์กับสิทธิทางแพ่ง เช่น สิทธิในความเป็นเจ้าของ สิทธิครอบครองและใช้สอย
            ทรัพย์ ฯลฯ ผลที่เกิดขึ้นหากมีบุคคลหรือกลุ่มใด ๆ อ้างต่อรัฐเพื่อให้คุ้มครองสิทธิในสิ่งแวดล้อมให้ตนหรือกลุ่มอยู่ในสิ่งแวดล้อม

            ที่ดี ย่อมหมายความว่า หากค�าว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีถูกตีความให้มีมาตรฐานสูงแล้ว รัฐย่อมมีค่าใช้จ่ายจ�านวนมากในการ
            จัดการสิ่งแวดล้อมให้กลายเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดี  และการรักษาสมดุลระหว่างระบบเศรษฐกิจของรัฐหรือผลประโยชน์ด้าน

            เศรษฐกิจของสาธารณะกับสิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมต้องถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปอีกระดับหนึ่ง


                    67
                      From “Declaration of the U.N. Conference on the Human Environment Report of the U.N. Conference
            on the Human Environment” by United Nations 1972 U.N.Doc. A/CONF.48/14/Rev.1/1972 pp. 3


                                                           65
   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71