Page 70 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 70

ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
                                                                    เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน







                         จะเห็นได้ว่าทั้งสองตราสารระหว่างประเทศระดับภูมิภาคใช้ค�าว่า “Everyone” และ “Every Person”

            ซึ่งมุ่งหมายว่าเป็นสิทธิเชิงปัจเจกบุคคลมากกว่าสิทธิเชิงกลุ่ม
                         กล่าวโดยสรุป ปัจจุบันยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันในสังคมระหว่างประเทศ ทั้งแนวคิดทางวิชาการและ
            ตราสารระหว่างประเทศที่ปรากฏในระดับภูมิภาคต่าง  ๆ ที่ยังไม่ลงรอยกันระหว่างสิทธิเชิงปัจเจกบุคคลหรือสิทธิเชิงกลุ่ม

            อย่างไรก็ดี แนวคิดที่เห็นว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิเชิงกลุ่มยังคงมีจ�านวนจ�ากัดอยู่เฉพาะประเทศในแถบทวีปแอฟริกา
            เท่านั้น แม้จะปรากฏว่าประเทศในแถบอเมริกาใต้จะมีความพยายามในการน�าสิทธิในสิ่งแวดล้อมใปใช้คุ้มครองบุคคล
            ประหนึ่งเป็นสิทธิมนุษยชน  แต่ก็ยังคงมีความเห็นว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิเชิงปัจเจกบุคคลมากกว่าสิทธิเชิงกลุ่มหรือ

            สิทธิร่วมกัน (Collective Right)


                  ๒.๒.๓ การแปรรูปสิทธิมนุษยชนมาสู่การเป็นสิทธิในรัฐธรรมนูญ: กรณีของสิทธิในสิ่งแวดล้อม

                         ในทางวิชาการค�าว่า “กฎหมายรัฐธรรมนูญ” กับค�าว่า “รัฐธรรมนูญ” มีความแตกต่างกันอยู่มาก โดย
            ค�าว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นค�าที่มีความหมายกว้าง รวมเอาตัวบทรัฐธรรมนูญในแต่ละยุคแต่ละสมัย กฎเกณฑ์พื้นฐาน

            ของรัฐธรรมนูญ (Ground Norm) จารีตประเพณีในรัฐธรรมนูญทั้งหลาย รวมถึงกฎมณเฑียรบาลที่มีค่าบังคับเทียบเท่า
            รัฐธรรมนูญอยู่ด้วย เป็นต้น ส่วนค�าว่ารัฐธรรมนูญหมายความถึงตัวบทรัฐธรรมนูญที่ใช้บังคับ ณ ขณะนั้น ๆ แต่เพียง

            อย่างเดียว 71
                         สิทธิมนุษยชนนั้นเป็นสิทธิที่มีศักดิ์ทางกฎหมายเสมอรัฐธรรมนูญของแต่ละประเทศ มีความเป็นสากล
            ใช้บังคับได้ทั่วไป แม้ตัวบทรัฐธรรมนูญในสมัยหนึ่ง ๆ ไม่ได้บัญญัติรับรองสิทธิมนุษยชนสิทธิใดสิทธิหนึ่งหรือหลายสิทธิ

            ไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐนั้น ๆ จะไม่ต้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เพราะสิทธิมนุษยชนมักจะปรากฏอยู่ใน
            กฎเกณฑ์พื้นฐานของรัฐธรรมนูญ หรือจารีตประเพณีในรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญรูปแบบหนึ่งที่รัฐต่าง ๆ จะ
            ต้องค�านึงถึงเช่นเดียวกัน เนื่องจากความเป็นสากลของสิทธิมนุษยชนนั่นเอง รัฐทุกรัฐจึงต้องมีหน้าที่ตามกฎหมายระหว่าง

            ประเทศที่จะต้องให้ความคุ้มครอง เคารพ และเติมเต็มสิทธิมนุษยชนในอาณาเขตของประเทศตน ดังนั้น สิทธิมนุษยชนจึง
            อาจปรากฏหรือไม่ปรากฏอยู่ในตัวบทรัฐธรรมนูญของประเทศใด ๆ ก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าประเทศนั้นจะไม่มีหน้าที่
            ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

                         ขณะที่สิทธิในรัฐธรรมนูญ (Constitutional Rights) นั้น มีความหมายอย่างกว้าง คลุมถึงสิทธิที่เป็นสิทธิ
            มนุษยชนและสิทธิที่มิใช่สิทธิมนุษยชนอยู่ด้วย เช่น สิทธิขั้นพื้นฐาน (Fundamental Rights) และสิทธิตามกฎหมาย (Legal

            Rights) เป็นต้น โดยเฉพาะสิทธิที่บัญญัติอยู่ในตัวบทรัฐธรรมนูญแต่มิได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากลว่าเป็นสิทธิมนุษยชน
            เช่น เอกสิทธิและความคุ้มกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการไม่ถูกด�าเนินคดีอาญาในระหว่างสมัยประชุมสภา สิทธิ
            เช่นว่านี้เป็นสิทธิเฉพาะตัวของบุคคลที่บางรัฐอาจบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญจึงเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญแต่มิใช่สิทธิมนุษยชน

            หรือสิทธิในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึงระดับปริญญาตรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  สิทธินี้อาจถือว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
            (Fundamental Right) ตามรัฐธรรมนูญได้ แต่อาจไม่ใช่สิทธิมนุษยชน เนื่องจากสิทธิมนุษยชนค�านึงถึงเพียงว่ารัฐจะต้อง

            คุ้มครองสิทธิในการได้รับการศึกษาที่จ�าเป็นของมนุษย์แต่มิได้ระบุว่าโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย การที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย





                    71   จาก กฎหมายรัฐธรรมนูญ (หน้า ๔) โดยวิษณุ เครืองาม ๒๕๓๐, กรุงเทพฯ: นิติบรรณาการ, พิมพ์ครั้งที่ ๓




                                                           69
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75