Page 62 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 62
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ใช้ในข้อพิพาททางสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เพื่อคุ้มครองสิทธิของชนพื้นเมืองในวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับ
ทรัพยากรธรรมชาติด้วย 58
ส�าหรับในระดับภูมิภาค ภูมิภาคที่ได้วางหลักเกี่ยวกับการน�าเอาสิทธิมนุษยชนมาปรับใช้เพื่อ
เชื่อมโยงสิทธิของชนพื้นเมืองเข้ากับการจัดการสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ภูมิภาคอเมริกา โดยองค์กรสิทธิมนุษยชนของภูมิภาค
59
อเมริกาได้วางหลักเป็นบรรทัดฐานไว้ใน ๒ คดีส�าคัญ คือ คดี Mary and Carrie Dann v. United States ซึ่งตัดสินโดย
ค�าวินิจฉัยของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งภูมิภาคอเมริกา และคดี Mayagna (Sumo) Awas Tingni Community
60
v. Nicaragua ซึ่งตัดสินโดยค�าพิพากษาของศาลสิทธิมนุษยชนแห่งภูมิภาคอเมริกา โดยองค์คณะในทั้งสองคดี
วางหลักไว้ว่ารัฐต้องเคารพสิทธิของชนพื้นเมืองในที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ และต้องให้ชนพื้นเมืองสามารถกระท�าการ
61
เพื่อคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ หากพิจารณาพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกาจะเห็นได้ว่า
ไม่มีบทบัญญัติใดระบุพันธกรณีต่อชนพื้นเมืองไว้โดยตรง แต่องค์กรสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคอเมริกาได้น�าเอาสิทธิมนุษยชน
ทั่วไปมาปรับใช้เพื่อคุ้มครองสิทธิในที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติของชนพื้นเมือง กล่าวคือ ในคดี Mayagna (Sumo) Awas
Tingni Community v. Nicaragua ศาลสิทธิมนุษยชนแห่งภูมิภาคอเมริกาได้น�าเอาสิทธิในทรัพย์สิน (Right to Property)
ตาม Article 21 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกา (American Convention on Human Rights) และ
สิทธิในสุขภาพและความเป็นอยู่ (Right to Health and Well-Being) ตลอดจนสิทธิในวัฒนธรรม ภายใต้ปฏิญญาว่าด้วย
สิทธิและหน้าที่ของมนุษย์แห่งอเมริกา (American Declaration of the Rights and Duties of Man) มาปรับใช้ในคดี 62
เห็นได้ว่า การให้ความส�าคัญแก่บทบาทของชนพื้นเมืองซึ่งเกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อมปรากฏให้เห็น
อย่างชัดเจนในปฏิญญาริโอ ซึ่งเป็นตราสาร Soft Law ทางด้านสิ่งแวดล้อม และในขณะเดียวกัน สิทธิมนุษยชนของชน
พื้นเมืองก็ได้รับความสนใจและได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ทั้งยังได้มีการน�าเอาสิทธิ
มนุษยชนมาใช้ในบริบทของสิ่งแวดล้อม เพื่อคุ้มครองและส่งเสริมบทบาทของชนพื้นเมืองในการจัดการสิ่งแวดล้อมด้วย
โดยการน�าเอาสิทธิมนุษยชนมาใช้ในแง่มุมนี้ ปรากฏทั้งในระดับระหว่างประเทศ และในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะภูมิภาค
อเมริกา
กล่าวโดยสรุป แม้ตราสาร Soft Law จะไม่ได้ก่อให้เกิดพันธกรณีแก่รัฐในการกระท�าการอย่างหนึ่ง
อย่างใด แต่เป็นตัวสะท้อนแนวคิดและสร้างความตระหนักร่วมกันในความเชื่อมโยงระหว่างคุณภาพของสิ่งแวดล้อมและ
การด�ารงชีวิตของมนุษย์ อันเป็นพื้นฐานน�ามาสู่พัฒนาการทางแนวคิดในการปรับใช้กลไกทางสิทธิมนุษยชนเข้ากับบริบท
ทางสิ่งแวดล้อม และสามารถน�ามาใช้เป็นเครื่องมือในการคุ้มครองหรือจัดการสิ่งแวดล้อมได้ในหลายกรณี
58
From Communication No. 511/1992 Ilmari Lansman v. Finland, Human Rights Comm. (1994) (U.N. Doc.
CCPR/C/52/D/511/1992)
59
From Case 11.140 Mary and Carrie Dann v. United States, Report No. 75/02, Inter-Am. C.H.R., Doc. 5 rev. 1
(2002) pp 860.
60 From Mayagna (Sumo) Awas Tingni Community v. Nicaragua, Inter-Am. Ct. H.R. (Ser. C) No. 79 (2001).
61
From “Mary and Carrie Dann v. United States at the Inter-American Commission on Human Rights: Victory
for Indian Land Rights and the Environment” by Deborah Schaaf and Julie Fishel (2002), Tul. Envtl. L. J. 16,175 (2002-
2003), pp 178.
62
From “Environment, Equality, and indigenous Peoples’ Land Rights in the Inter-American Human Rigths
System: Mayagna (Sumo) Indigenous community of Awas Tingni v. Nicaragua” by Jennifer A. Amiott, (2002) 32 Envtl. L.
32,873 (2002), pp 889-890.
61