Page 218 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 218

ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
                                                                    เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน





                           อย่างไรก็ดี  ปัจจุบันยังไม่มีแนววินิจฉัยของศาลในการวินิจฉัยคดีเกี่ยวกับจารีตประเพณีด้านสิทธิมนุษยชน

            ซึ่งมีประเด็นที่น่าคิดว่าศาลไทยจะน�ามาวินิจฉัยชี้ขาดได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการอนุวัติการให้เป็นกฎหมายภายใน ดังเช่น
            ค�าวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในอดีตหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศนั้นเป็นกรณีที่ปัจเจกบุคคล

            เป็นผู้ทรงสิทธิ ขณะที่คดีที่เคยตัดสินที่ผ่านมานั้นรัฐจะเป็นผู้ทรงสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศซึ่งมีนัยที่แตกต่างกัน


                  ๖.๔.๔ การปรับใช้หลักกฎหมายทั่วไปตามกฎหมายระหว่างประเทศในประเทศไทย

                         หลักกฎหมายทั่วไปนั้น มีลักษณะเป็นหลักกฎหมายที่ใช้อยู่ในกฎหมายภายในของรัฐทั้งหลายอยู่แล้ว โดย
            จะพบว่าในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ดี  หรือประมวลกฎหมายอาญาของไทยก็ดีต่างก็ปรากฏหลักกฎหมายทั่วไป
            ในบทมาตราต่าง ๆ อยู่แล้ว เช่น หลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอนตามกฎหมายว่าด้วยทรัพย์สิน หลักกฎหมายปิดปาก

            (Estoppel) ตามกฎหมายว่าด้วยตัวการตัวแทน หลักสุจริตตามที่ปรากฏในหลายมาตรา หรือหลักการไม่ลงโทษซ�้าในการ
            กระท�าครั้งเดียวในประมวลกฎหมายอาญา เป็นต้น  ดังนั้น ในการปรับใช้หลักกฎหมายทั่วไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
            จึงสามารถปรับใช้ในฐานะที่เป็นหลักกฎหมายทั่วไปของประเทศไทยได้ทันทีโดยไม่ต้องออกกฎหมายมาบังคับใช้อีก

            เว้นเสียแต่ว่าจะมีหลักกฎหมายระหว่างประเทศหลักใดที่ไม่เคยปรากฏในกฎหมายของประเทศไทยเลย กรณีนี้จ�าเป็นต้อง
            มีการออกกฎหมายบัญญัติหลักกฎหมายทั่วไปเพิ่มเติมเข้ามา

                         กรณีของสิทธิมนุษยชนนั้น การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนมักเป็นแนวทางปฏิบัติมากกว่าที่จะกลายเป็น
            หลักกฎหมายทั่วไป  ดังนั้น  การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศในปัจจุบันจึงมีเพียงสนธิสัญญาและจารีตประเพณี
            ระหว่างประเทศเสียมากกว่า

                         นอกจากนี้ อาจมีข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (Security Council Resolution)
            ที่มีผลเป็นค�าวินิจฉัย (Decision) ผูกพันให้รัฐต้องปฏิบัติตามก็ถือว่าเป็นกฎหมายระหว่างประเทศด้วย โดยการบังคับตาม

            ข้อมตินี้หากจะต้องบังคับกับประชาชนในประเทศก็จะต้องมีการออกกฎหมายมารับรอง เช่น การก่อการร้ายที่คณะมนตรี
            ความมั่นคงได้ออกค�าวินิจฉัยให้รัฐทุกรัฐต้องมีกฎหมายลงโทษผู้ก่อการร้าย  ส่งผลให้ประเทศไทยต้องแก้ไขเพิ่มเติมโทษฐาน
            ก่อการร้ายเข้าไปในประมวลกฎหมายอาญาในช่วงปี ค.ศ. ๒๐๐๒ ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์การก่อการร้ายที่ประเทศ

            สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ค.ศ. ๒๐๐๑


            ๖.๕ อิทธิพลและข้อจ�ากัดของการปรับใช้สิทธิมนุษยชนขององค์การระหว่างประเทศระดับ
            ภูมิภาคต่อประเทศไทย



                  ๖.๕.๑ อิทธิพลขององค์การระหว่างประเทศระดับภูมิภาคต่อการพัฒนาสิทธิมนุษยชน

                         องค์การระหว่างประเทศระดับภูมิภาคด้านสิทธิมนุษยชน เช่น ศาลสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาค หรือคณะ
            กรรมการสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคต่าง ๆ นั้นถือว่ามีอิทธิพลที่ส�าคัญในการพัฒนากฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับ

            สิทธิมนุษยชนอยู่มาก พบว่าในหลายกรณีสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองขึ้นใหม่ก็เกิดขึ้นจากแนวทางปฏิบัติของรัฐ
            ในระดับภูมิภาคก่อนแล้วจึงได้รับการรับรองในระดับระหว่างประเทศตามมา  ดังนั้น การศึกษาแนวคิดเกี่ยวกับการยอมรับ
            หรือรับรองสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคจึงมีส่วนส�าคัญและเป็นการศึกษาที่ต้นทางหรือแหล่งที่มาของแนวคิด

                         นอกจากนี้  ความตกลงระหว่างประเทศระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนถือว่าเป็นกฎหมายที่มีผล
            ผูกพันรัฐทั้งหลายที่เป็นภาคีในภูมิภาคนั้น ๆ ให้ต้องปฏิบัติตาม หากศึกษาต้นแบบจากกฎหมายระหว่างประเทศระดับ




                                                          217
   213   214   215   216   217   218   219   220   221   222   223