Page 214 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 214
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
๖.๓.๓ กรณีการบัญญัติเรื่องสิ่งแวดล้อมในรัฐธรรมนูญไทยเปรียบเทียบกับบางประเทศในสาม
ภูมิภาค (ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา)
เมื่อเปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญของประเทศตัวอย่างที่น�ามาศึกษาแล้ว พบว่า:-
• รัฐธรรมนูญของไทย ไม่เคยบัญญัติเรื่องสิทธิเชิงเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี หรือสิทธิที่จะ
อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี
• รัฐธรรมนูญของไทยสองฉบับ คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ บัญญัติเรื่องสิทธิชุมชน แต่เป็นสิทธิในการมีส่วนร่วมกับรัฐ
เพื่อจัดการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิทธิเชิงกระบวนการ ไม่ใช่สิทธิเชิงเนื้อหา
• รัฐธรรมนูญของไทย คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้บัญญัติเรื่องสิทธิ
ของบุคคล แต่เป็นสิทธิในการมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนเพื่อจัดการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเป็นสิทธิเชิงกระบวนการ ไม่ใช่สิทธิเชิงเนื้อหา
• รัฐธรรมนูญของไทยสองฉบับ คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ บัญญัติเรื่องสิทธิเชิงกระบวนการทั้งสามแบบ ซึ่งได้แก่
สิทธิในข้อมูลข่าวสาร สิทธิในการมีส่วนร่วม และสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ส�าหรับกรณี
ทั่ว ๆ ไป ซึ่งรวมถึงการน�ามาใช้กับกรณีสิ่งแวดล้อมด้วย ยกเว้นสองกรณีที่บัญญัติไว้ส�าหรับเรื่อง
สิ่งแวดล้อมเป็นการเฉพาะ คือ สิทธิในข้อมูลข่าวสารและสิทธิมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในกระบวนการ
ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม กับสิทธิของชุมชนในการฟ้องหน่วยงานรัฐหากไม่ด�าเนินการในการ
คุ้มครองสิทธิชุมชนตามที่รัฐธรรมนูญก�าหนด
• รัฐธรรมนูญของไทยบัญญัติเรื่องหน้าที่ของประชาชนในการปกป้องสิ่งแวดล้อม
• รัฐธรรมนูญของไทยบัญญัติเรื่องหน้าที่ของรัฐในการปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยบัญญัติไว้ในหมวดแนว
นโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
๖.๔ การน�าสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายระหว่างประเทศมาใช้บังคับภายในประเทศไทย
ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่าที่มาของกฎหมายระหว่างประเทศมี ๕ ประการ ดังนี้
๑) อนุสัญญาระหว่างประเทศทั้งหลาย (International Conventions) ไม่ว่าเป็นการทั่วไปหรือเป็นการเฉพาะ ซึ่ง
เป็นกฎเกณฑ์ที่สร้างขึ้นโดยรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างชัดแจ้ง
๒) จารีตประเพณีระหว่างประเทศ (International Customary Law) ในฐานะที่เป็นหลักฐานแห่งการปฏิบัติทั่วไป
ที่ได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นกฎหมาย
๓) หลักกฎหมายทั่วไป (General Principles of Law) ที่ได้รับการยอมรับนับถือโดยนานาอารยประเทศ
ทั้งนี้ ภายใต้บังคับมาตรา ๕๙ ค�าพิพากษาของศาล (Judicial Decisions) และค�าสอนของผู้รอบรู้ (Qualified
Publicists) สูงสุดของประเทศต่าง ๆ ในฐานะที่เป็นเครื่องช่วยในการวินิจฉัยหลักกฎหมาย นอกจากที่มาของกฎหมาย
ระหว่างประเทศตามมาตรา ๓๘ แห่งธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศแล้ว ยังมีที่มาของกฎหมายระหว่างประเทศที่
เกิดขึ้นมาจากการยอมรับนานาประเทศและศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้วินิจฉัยไว้ที่ส�าคัญอีก ๒ ประเภท คือ
213

