Page 215 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 215

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





               ๔) ข้อมติขององค์การระหว่างประเทศ (International Organization Resolutions)

               ๕) การกระท�าฝ่ายเดียวของรัฐ (Unilateral Act)


               ๖.๔.๑ ทฤษฎีการน�าสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศมาใช้ในประเทศไทย

                       ทางทฤษฎีในการน�ากฎหมายระหว่างประเทศมาในบังคับภายในประเทศขึ้นอยู่กับระบบกฎหมายภายใน
          ของประเทศนั้น ๆ ว่ายอมรับกฎหมายระหว่างประเทศเพียงใด ซึ่งตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศมีทฤษฎีเกี่ยวข้อง ๒

          ทฤษฎีใหญ่ คือ ทฤษฎีเอกนิยม กับทฤษฎีทวินิยม



                          ทฤษฎีเอกนิยม (Monist) นั้น เชื่อว่ากฎหมายระหว่างประเทศอยู่ในระบบเดียวกันกับกฎหมาย
                     ภายใน  เมื่อรัฐท�าความตกลงกับรัฐอื่นใดย่อมน�าความตกลงระหว่างประเทศนั้นมาใช้บังคับได้โดยทันที
                     โดยไม่จ�าเป็นต้องออกกฎหมายมาอนุวัติการแต่อย่างใด เพราะถือว่าเป็นกฎหมายที่อยู่ในระบบ

                     เดียวกัน แต่ทฤษฎีนี้ก็ยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของล�าดับศักดิ์ทางกฎหมาย (Hierarchy) ของ
                     ความตกลงระหว่างประเทศกับกฎหมายภายในว่าควรอยู่ในล�าดับชั้นใด บางประเทศถือว่าอยู่ล�าดับ
                     ชั้นเดียวกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายภายในอื่นๆ จึงไม่สามารถขัดหรือแย้ง (Over Rule) กับความตกลง

                     ระหว่างประเทศได้  บางประเทศถือว่าล�าดับเดียวกับกฎหมายที่ออกโดยรัฐสภาและสามารถยกเลิกได้
                     โดยกฎหมายภายใน  หากเป็นไปตามหลักกฎหมายใหม่ยกเลิกกฎหมายเก่า หรือหลักกฎหมายเฉพาะ
                     ยกเลิกกฎหมายทั่วไป ประเทศที่ยึดทฤษฎีนี้ ได้แก่ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์

                     เป็นต้น




                          ทฤษฎีทวินิยม (Dualist) นั้นเชื่อว่า กฎหมายระหว่างประเทศกับกฎหมายภายในอยู่กันคนละ
                     ระบบ  การจะน�ากฎหมายระหว่างประเทศมาใช้บังคับภายในประเทศได้  จ�าเป็นต้องออกกฎหมาย

                     มาอนุวัติการ มิเช่นนั้นแล้วกฎหมายระหว่างประเทศจะไม่อาจใช้บังคับภายในประเทศได้ ประเทศที่
                     ยึดระบบนี้จึงยึดติดอยู่กับการอนุวัติการกฎหมายเป็นหลัก  หากไม่อนุวัติการแล้วศาลจะน�าความตกลง

                     ระหว่างประเทศนั้นมาใช้ในการพิจารณาคดีโดยตรงมิได้ ทฤษฎีนี้จึงมีความเสี่ยงในการละเมิด
                     กฎหมายระหว่างประเทศสูงกว่าทฤษฎีแรก  เพราะหากการอนุวัติการกฎหมายไม่ครอบคลุมความตกลง
                     ระหว่างประเทศ รัฐก็อาจขาดฐานทางกฎหมายในการใช้อ�านาจเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ

                     นั้น ๆ และต้องรับผิดชอบต่อคู่ภาคีได้ ส่วนล�าดับศักดิ์ของความตกลงระหว่างประเทศกับกฎหมาย
                     ภายใน ไม่มีประเด็นต้องพิจารณาเพราะอยู่กันคนละระบบ จะมีข้อพิจารณาตรงที่กฎหมายที่อนุวัติ
                     การแล้วอาจถูกยกเลิกได้ตามหลักกฎหมายใหม่ยกเลิกกฎหมายเก่า หรือหลักกฎหมายเฉพาะยกเลิก

                     กฎหมายทั่วไปได้เช่นกัน และอาจเป็นไปได้ว่า กฎหมายที่อนุวัติการมีล�าดับศักดิ์ต�่า เช่น ออกพระราช
                     กฤษฎีกามาอนุวัติการสนธิสัญญา ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ พระราชกฤษฎีกานั้นอาจถูกยกเลิกโดย
                     พระราชบัญญัติซึ่งมีล�าดับศักดิ์สูงกว่าก็ได้  และจะยังผลให้ประเทศไทยยกเลิกการปฏิบัติตามสนธิสัญญา

                     นั้นไปในตัวด้วย เพราะไม่มีฐานทางกฎหมายในการอ้างเพื่อปฏิบัติตามสนธิสัญญาได้ต่อไป ประเทศที่
                     ยึดทฤษฎีนี้ ได้แก่ สหราชอาณาจักร ประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ ประเทศไทย เป็นต้น




                                                          214
   210   211   212   213   214   215   216   217   218   219   220