Page 213 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 213

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





                       ๒) กรณีที่มิได้น�าเรื่องสิทธิในสิ่งแวดล้อมไปบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

                          ในบางประเทศมิได้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น บาร์ฮามาส บังคลาเทศ
          บาร์บาโดส บอสซาวานา บรูไนดารุลสลาม แคนาดา ไซปรัส เดนมาร์ก โดมินิกา ฟิจิ เกรนาดา ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิสราเอล

          ญี่ปุ่น จอร์แดน เลบานอน ไลบีเรีย ลิกเคนสไตน์ มาเลเซีย มาร์แชลไอแลนด์ ไมโครนีเซีย โมนาโค โมร็อกโก นิวซีแลนด์
          ซามัว เซียร่าลีโอน สิงคโปร์ โซโลมอนไอแลนด์ ทองกา ตูนีเซีย สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ซิมบับเว เป็นต้น แม้ว่า
          เหตุผลของแต่ละประเทศในการไม่บัญญัติเรื่องสิ่งแวดล้อมไว้ในรัฐธรรมนูญอาจไม่เหมือนกัน  แต่ประเทศส่วนใหญ่ที่ไม่มี

          บทบัญญัติเรื่องสิ่งแวดล้อมในรัฐธรรมนูญจะมีลักษณะร่วมกันอยู่บางอย่าง กล่าวคือ มักจะเป็นประเทศที่ใช้ระบบกฎหมาย
          แบบคอมมอนลอว์  หรือประเทศที่ได้รับอิทธิพลระบบกฎหมายมาจากประเทศสหราชอาณาจักร  หรือประเทศที่เคยเป็น
          อาณานิคมของอังกฤษ หรือประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในภูมิภาคอเมริกา หรือประเทศที่เป็นหมู่เกาะเล็ก ๆ โดยประเทศ

          เหล่านี้มักจะบัญญัติรับรองสิทธิมนุษยชนไว้ในรัฐธรรมนูญในรูปแบบของ Bills of Rights ที่มุ่งรับรองสิทธิพลเมืองและ
          สิทธิทางการเมือง (Civil and Political Rights) มากกว่าการบัญญัติรับรองเรื่องสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
          (Economic, Social and Cultural Rights)

                          มีข้อสังเกตว่า ประเทศในภูมิภาคอเมริกาที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษมักจะเป็นประเทศที่บัญญัติเรื่องสิ่งแวดล้อม
          ไว้ในรัฐธรรมนูญ เช่น อาร์เจนตินา โบลีเวีย บราซิล ชิลี โคลอมเบีย คอสตาริกา คิวบา โดมินิกันรีพับบลิก เอกวาดอร์

          เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา กูยาน เฮติ ฮอนดูรัส เม็กซิโก นิการากัว ปานามา ปารากวัย เปรู ซูรินาเม อุรุกวัย และ เวเนซุเอลา
                          กรณีตัวอย่างของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญท�าได้ยาก แม้จะมีการบัญญัติ
          เรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อมไว้ในรัฐธรรมนูญในระดับมลรัฐของหลายมลรัฐ  เช่น  ฮาวาย  อิลลินอยส์  เพนซิลวาเนีย

          แมตซาชูเซต  และมอนตานา  แต่ในระดับสหรัฐ  ยังคงเป็นเพียงข้อเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น  ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวมี
          ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายที่คัดค้าน  โดยฝ่ายที่เห็นด้วยเห็นว่า  การเพิ่มบทบัญญัติดังกล่าวจะช่วยเพิ่มคุณค่าเชิงสัญลักษณ์

          ที่ยิ่งใหญ่  และช่วยท�าให้กฎหมายปกป้องสิ่งแวดล้อมเข้มงวดขึ้น  แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเห็นว่า  ควรปล่อยให้เป็นอ�านาจของ
          สภาคองเกรสที่จะเห็นสมควรว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้หรือไม่ นอกจากนี้ การแก้ไขดังกล่าวอาจน�าไปสู่การไปแย่ง
          เอาทรัพยากรมาจากระบบเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง คุณภาพของการให้บริการสาธารณสุข และการศึกษาที่ดี อย่างไรก็ตาม
                                                                                                          109
          ข้อเสนอดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยุติ ทั้งนี้ ตามความเห็นของ The Exchange เห็นว่าร่างบทบัญญัติดังกล่าว ควรมีเนื้อหา ดังนี้


                         “ทรัพยากรธรรมชาติของชาติเป็นมรดกของคนรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นอนาคต สิทธิของแต่ละบุคคล

          ในอากาศและน�้าที่สะอาดและดีต่อสุขภาพ  และสิทธิในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติประเภทอื่นของชาติ  จะต้องไม่ถูก
          ละเมิดโดยบุคคลใด” (The natural resources of the nation are the heritage of present and future
          generations. The right of each person to clean and healthful air and water, and to the protection

          of the other natural resources of the nation, shall not be infringed upon by any person. —Proposed
          Amendment to the U.S. Constitution (1996))









                 109
                    From The Exchange.  Retrieved from http://constitutioncenter.org/media/files/Environment-THW.pdf




                                                          212
   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217   218