Page 210 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 210
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ในการน�าเรื่องการปกป้องสิ่งแวดล้อมมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนั้น ประเทศต่าง ๆ มีวิธีการในการเขียน
แตกต่างกันออกไป ซึ่งอาจสรุปได้ ดังนี้
๑) การเขียนในรูปแบบของสิทธิเชิงเนื้อหา (Substantive Rights)
ซึ่งสามารถจ�าแนกออกได้เป็น ๒ ประเภทของสิทธิดังกล่าว คือ สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี (Right to Good
Environment) และสิทธิในชีวิตหรือสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี (Right to Live in Good Environment) สิทธิใน
สิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นสิทธิที่รับรองถึงคุณภาพที่ดีของสิ่งแวดล้อม ซึ่งในภาษาอังกฤษ ค�าว่า “ดี” อาจมีที่ใช้หลายค�า แต่ทุกค�า
ล้วนมีความหมายไปในทิศทางเดียวกัน เช่น ค�าว่า Good, Healthy, Clean, Safe, Adequate, Harmonious, Balanced,
Desirable อย่างไรก็ตาม การรับรองคุณภาพดังกล่าวอาจไม่ได้ท�าโดยตรง แต่ท�าโดยผ่านการรับรองเรื่องอื่นโดยอ้อมในรูป
ของการรับรองสิทธิในชีวิต (Right to Life) หรือสิทธิในสุขภาพ (Right to Health) ดังจะเห็นได้จากกรณีของสิทธิที่จะมี
ชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็คือสิทธิในชีวิตนั่นเอง แต่เป็นสิทธิในชีวิตที่ต้องมีเงื่อนไขอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ซึ่งอาจเป็นหน้าที่
ของรัฐที่ท�าให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดี หรือเป็นหน้าที่ทั้งของรัฐและประชาชนในการร่วมกันให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีดังกล่าว
จากตัวอย่างที่น�ามาศึกษา ประเทศที่เขียนในรูปแบบของสิทธิเชิงเนื้อหาประเภทสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี
กรณีภูมิภาคยุโรป ได้แก่ โปรตุเกส สเปน รัสเซีย เบลเยี่ยม กรณีภูมิภาคอเมริกา ได้แก่ บราซิล โคลอมเบีย อาร์เจนตินา
กรณีภูมิภาคแอฟริกา ได้แก่ เบนิน บูร์กินาฟาโซ มาลี คองโก โตโก เอธิโอเปีย ชาด แอฟริกาใต้ ไนจีเรีย ไนเจอร์ ส่วน
ประเทศที่เขียนในรูปแบบของสิทธิเชิงเนื้อหาประเภทสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี กรณีภูมิภาคยุโรป ได้แก่ ตุรกี
ลัตเวีย กรณีภูมิภาคอเมริกา ได้แก่ ชิลี เอลซัลวาดอร์ เอกวาดอร์ กรณีภูมิภาคแอฟริกา ได้แก่ โมซัมบิก แองโกลา ซีเชลส์
ในการพิจารณาของศาล สิทธิเชิงเนื้อหาต้องการให้ศาลประเมินว่าสิ่งแวดล้อมคืออะไรเพื่อพิจารณาว่า
สิ่งแวดล้อมดังกล่าวนั้นดี สะอาด ปลอดภัย หรือไม่ หรือสอดคล้อง สมดุล หรือเป็นที่พึงปรารถนากับสิ่งแวดล้อมหรือไม่
ต่างจากสิทธิเชิงกระบวนการที่ศาลเพียงแต่ชี้ว่าได้มีการใช้กระบวนการบางอย่างในการตัดสินใจหรือไม่เท่านั้น หาก
พิจารณาในเชิงบทบาทของศาลกับการใช้สิทธิทั้งสองประเภท จะพบว่า ศาลที่ต้องพิจารณาสิทธิเชิงเนื้อหาจะมีบทบาท
เชิงรุกมากกว่า เนื่องจากจะต้องตีความค�านิยามของสิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดีซึ่งมีความยากกว่า ส่วนศาลที่ต้องพิจารณาสิทธิ
เชิงกระบวนการจะมีบทบาทน้อยกว่า แต่ก็อาจมีความเหมาะสมมากกว่าในแง่ของการถ่วงดุลอ�านาจกับฝ่ายบริหาร
๒) การเขียนในรูปแบบของสิทธิเชิงกระบวนการ (Procedural Rights)
ซึ่งสามารถจ�าแนกออกได้เป็น ๓ ประเภทของสิทธิดังกล่าว คือ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร สิทธิ
ในการมีส่วนร่วมสาธารณะในการตัดสินใจ และสิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรมในคดีสิ่งแวดล้อม ประเทศที่เขียนสิทธิเชิง
กระบวนการเพื่อรองรับการปกป้องสิ่งแวดล้อมไว้ในรัฐธรรมนูญมักเป็นประเทศที่อยู่ในยุโรปตะวันออกและลาตินอเมริกา
จากตัวอย่างที่น�ามาศึกษา ประเทศในยุโรปที่เขียนในรูปแบบของสิทธิเชิงกระบวนการ ได้แก่ ลัตเวีย สโลวะเกีย รัสเซีย
มอลโดวา เบลารุส อาเซอร์ไบจาน ยูเครน และโปแลนด์ ทั้งนี้ จ�านวนประเทศที่เขียนรัฐธรรมนูญในรูปแบบของสิทธิเชิง
กระบวนการจะมีน้อยกว่าประเทศที่เขียนรัฐธรรมนูญในรูปแบบของสิทธิเชิงเนื้อหา อาจเป็นเพราะสิทธิเชิงกระบวนการ
ไม่ได้รับรองระดับของการปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นการเฉพาะโดยตรง จึงมีความเข้าใจว่าสิทธิเชิงกระบวนการเป็นสิทธิที่มี
ความเข้มข้นน้อยกว่าสิทธิเชิงเนื้อหา ไม่สามารถยืนยันสิ่งที่มีคุณค่าสูงอย่างเช่นสิ่งแวดล้อมที่ดีได้อย่างชัดเจนด้วยตัวเอง
หากแต่เป็นเพียงการเปิดโอกาสให้มีการน�าไปสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีอีกทอดหนึ่ง นอกจากนี้ โอกาสดังกล่าวยังต้องขึ้นอยู่กับ
ปัจจัยทางการเมือง เวลา ความพยายาม และค่าใช้จ่ายในการที่จะอ�านวยการให้สิ่งแวดล้อมที่ดีเกิดขึ้นได้ หากพิจารณา
ในทางปฏิบัติแล้ว การบังคับใช้สิทธิเชิงกระบวนการสามารถท�าได้ง่ายกว่าสิทธิเชิงเนื้อหา อย่างไรก็ตาม ในหลายประเทศ
209

