Page 200 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 200

ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
                                                                    เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน





            ยังไม่ได้ระบุสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้เป็นการเฉพาะ แต่เป็นการผูกเอาสิ่งแวดล้อมเข้ายึดโยงกับสิทธิในชีวิตซึ่งเป็นสิทธิมนุษยชน

            ที่ได้รับการรับรองอยู่แล้ว หรือไม่
                                  ด้วยเหตุที่ในปัจจุบันยังไม่มีข้อพิพาททางสิ่งแวดล้อมอันอาจใช้เป็นบรรทัดฐานเกี่ยวกับการกระท�า

            อันเป็นการละเมิดสิทธิในสิ่งแวดล้อม  ถ้อยค�าที่ใช้ในพิธีสารซานซัลวาดอร์จึงยังคงไม่อาจสรุปได้โดยชัดแจ้งว่าเกิดสิทธิใน
            สิ่งแวดล้อมขึ้นมาเป็นสิทธิมนุษยชนประเภทใหม่เป็นการเฉพาะในตัวเองแล้ว
                                  หากท้ายที่สุดแล้วมีการแก้ไขถ้อยค�าหรือมีการตีความอย่างชัดเจนเพียงพอที่จะเป็นแนวทางใน

            การชี้ขาดข้อพิพาททางสิ่งแวดล้อมในอนาคตได้ ว่าหากต่อไปมีการท�าลายหรือก่อมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม องค์กรทางสิทธิ
            มนุษยชนสามารถอาศัยสิทธิตามพิธีสารซานซัลวาดอร์ในฐานะสิทธิในสิ่งแวดล้อม  เป็นฐานในการพิจารณาว่ามีการละเมิด
            สิทธิมนุษยชนโดยไม่จ�าต้องรอให้เกิดผลกระทบแก่สิทธิในชีวิตหรือสิทธิมนุษยชนประเภทอื่น ๆ ขึ้นเสียก่อน ได้หรือไม่ หรือ

            สิทธิดังกล่าวยังคงมีลักษณะเป็นส่วนหนึ่งของสิทธิในการมีชีวิตอันเป็นสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองมาแต่เดิม
                                  ส�าหรับภูมิภาคแอฟริกา  ด้วยพื้นหลังทางสภาพสังคมและวัฒนธรรมของชาวแอฟริกันที่มีวิถีชีวิต
            เกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากส่งผลให้กฎบัตรว่าด้วยสิทธิมนุษยชน คือ The Banjul Charter มีการบัญญัติรับรอง

            สิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้โดยตรง แต่ด้วยเหตุที่หลายรัฐในภูมิภาคแอฟริกายังเป็นประเทศก�าลังพัฒนา ถ้อยค�าของการรับรอง
            สิทธิในสิ่งแวดล้อมภายใต้ The Banjul Charter จึงยังคงเชื่อมโยงสิทธิดังกล่าวเข้ากับการพัฒนาอยู่ อย่างไรก็ดี ค�าวินิจฉัย

            ของคณะกรรมการแอฟริกันว่าด้วยสิทธิประชาชนและสิทธิมนุษยชน ในคดี Social and Economic Rights Action
            Center (SERAC) and another v. Federal Republic of Nigeria ได้คลายความกังวลของนักวิชาการลง เนื่องจาก
            ค�าวินิจฉัยในคดีดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมสามารถบังคับใช้ได้จริง ไม่ใช่แต่เป็นเพียงการรับรองสิทธิเป็น

            ลายลักษณ์อักษรในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น





                                     กล่าวโดยสรุป  ในภูมิภาคยุโรปนั้น  เนื่องจากอนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครอง

               สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน ไม่ได้มีการเพิ่มเติมการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิมนุษยชน
               อีกประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะ องค์กรสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคยุโรปจึงไม่อาจตีความสิทธิมนุษยชนให้ครอบคลุม

               ไปถึงสิทธิในสิ่งแวดล้อมได้ และยังคงอาศัยสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้วในการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ในขณะที่
               ภูมิภาคอเมริกา ได้มีการเพิ่มเติมการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้ในพิธีสารซานซัลวาดอร์ อย่างไรก็ดี ในปัจจุบัน
               ยังไม่มีข้อพิพาททางสิ่งแวดล้อมอันจะเป็นแนวบรรทัดฐานการบังคับใช้สิทธิในสิ่งแวดล้อม ซึ่งต่างจาก The Banjul

               Charter ของภูมิภาคแอฟริกา ที่มีถ้อยค�าในการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมเชื่อมโยงเข้ากับการพัฒนา จนท�าให้
               นักวิชาการเกิดความกังวลว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมดังกล่าวจะไม่สามารถบังคับใช้ได้จริงเนื่องจากยังคงต้องค�านึงถึง

               การพัฒนาประเทศด้วย แต่เมื่อมีค�าวินิจฉัยในคดี SERAC and Another v. Nigeria ขึ้นมาแล้ว ก็ย่อมเป็นหลักฐาน
               ในทางปฏิบัติว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมสามารถบังคับใช้ได้จริงในภูมิภาคแอฟริกา
                                     ดังนั้น จึงสามารถกล่าวได้ว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมได้รับการรับรองเป็นสิทธิมนุษยชน

               ประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะในระดับภูมิภาค อันได้แก่ ภูมิภาคอเมริกาและภูมิภาคแอฟริกา โดยภูมิภาคแอฟริกา
               ได้มีการบังคับใช้สิทธิดังกล่าวในการระงับข้อพิพาททางสิ่งแวดล้อมโดยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแล้ว








                                                           199
   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204   205