Page 196 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 196

ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
                                                                    เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน





            มาตรา ๕-๙ จะระบุว่า “ปัจเจกบุคคลทุกคนมีสิทธิ... (Every individual shall have the right to...)” แสดงให้เห็น

            แนวคิดในการแบ่งแยกการคุ้มครองสิทธิเชิงปัจเจกบุคคลกับสิทธิเชิงกลุ่มออกจากกันอย่างชัดเจน  โดยสิทธิในสิ่งแวดล้อม
            ตามกฎบัตรฉบับนี้จึงเป็นสิทธิร่วมกันของประชาชน (Collective Right)

                                  กล่าวโดยสรุป ส�าหรับภูมิภาคทั้ง ๓ อาจเรียงล�าดับการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมให้เป็น
            สิทธิมนุษยชนได้ โดยสหภาพยุโรปยอมรับว่ามีสิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีตามอนุสัญญา Aarhus ที่สมควรน�ามา
            ปรับใช้ในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม  แต่ยังไม่ได้ยอมรับว่าเป็นสิทธิมนุษยชนและไม่ใช่สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น  เนื่องจากเป็นการ

            คัดลอกหลักการข้อที่ ๑ ของปฏิญญาสตอกโฮล์ม ค.ศ. ๑๙๗๒ มาบัญญัติอีกครั้งเพียงแค่นั้นจึงไม่ได้รับความสนใจมากนัก
            ส�าหรับภูมิภาคนี้ ขณะที่ภูมิภาคอเมริกาโดยเฉพาะประเทศก�าลังพัฒนาในอเมริกาใต้ยอมรับว่า “สิทธิในการมีชีวิตอยู่ใน
            สิ่งแวดล้อมที่ดี (Right to live in Healthy Environment)” เป็นสิทธิมนุษยชนแต่สหรัฐอเมริกายังคงคัดค้านสิทธิเช่นว่านี้อยู่

            ล�าดับสุดท้าย คือ ภูมิภาคแอฟริกาที่รับรองว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิมนุษยชนโดยน�าไปเชื่อมโยงกับสิทธิในการพัฒนา
            ซึ่งเป็นสิทธิเชิงกลุ่ม  และมุ่งให้มีการคุ้มครองอย่างสิทธิมนุษยชนประการหนึ่ง  จึงอาจสรุปได้ว่า  สิทธิในสิ่งแวดล้อมยังมิได้
            รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นสิทธิมนุษยชน

                                  อย่างไรก็ดี  สิ่งที่นานาชาติให้ความส�าคัญร่วมกันมิใช่เพียงปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในสิ่งแวดล้อม
            แต่การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเป็นเป้าหมายหลักที่ทุกประเทศเห็นด้วย  เพียงแต่สิ่งที่ไม่เห็นด้วย  คือ  จะคุ้มครองในระดับ

            ใดนั่นเอง


            ๖.๒ การเปรียบเทียบการพัฒนาประเด็นสิทธิมนุษยชนกับสิทธิในสิ่งแวดล้อม โดย
            คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและศาลสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาคของภูมิภาคยุโรป ภูมิภาค

            อเมริกา และภูมิภาคแอฟริกา



                      การศึกษาแนวทางการตีความและชี้ขาดข้อพิพาทเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมขององค์กรทางสิทธิมนุษยชน ทั้ง
            คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป ภูมิภาคอเมริกา และภูมิภาคแอฟริกา ได้สะท้อนให้เห็นถึง

            พัฒนาการในการน�าเอากลไกทางสิทธิมนุษยชนมาใช้เพื่อรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ดี ด้วยเนื้อหาของอนุสัญญา
            ด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค  ตลอดจนบริบททางสังคมอันเป็นที่มาของการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่
            ไม่เหมือนกัน ท�าให้พัฒนาการในประเด็นสิทธิมนุษยชนกับสิทธิในสิ่งแวดล้อมของแต่ละภูมิภาคมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน

            ออกไปบ้าง โดยสามารถจ�าแนกประเด็นในการพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างภูมิภาคทั้งสามได้ ดังต่อไปนี้


                  ๖.๒.๑ การน�าเอาสิทธิมนุษยชนมาใช้ในการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม

                         จากการศึกษาองค์กรทางสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคยุโรป ภูมิภาคอเมริกา และภูมิภาคแอฟริกา วิธีการ
            ในการน�าเอาสิทธิมนุษยชนมาใช้จัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม สามารถสรุปได้เป็น ๓ วิธีการส�าคัญ ได้แก่ (๑) การอาศัยสิทธิ

            มนุษยชนเชิงเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว (๒) การรับรอง “สิทธิในสิ่งแวดล้อม” เป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะและ
            อาศัยสิทธิในสิ่งแวดล้อมดังกล่าวในการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม และ (๓) การอาศัยสิทธิมนุษยชนเชิงกระบวนการมา
            ใช้ในบริบทของการจัดการสิ่งแวดล้อม









                                                           195
   191   192   193   194   195   196   197   198   199   200   201