Page 201 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 201

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





                       ๖.๒.๑.๓ การอาศัยสิทธิเชิงกระบวนการ

                               ส�าหรับภูมิภาคยุโรปที่ไม่ได้มีการบัญญัติรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้เป็นการเฉพาะ สิทธิมนุษยชน
          ประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับการรับรองและยอมรับอยู่แล้ว จึงถูกน�ามาใช้ในบริบทของการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยสิทธิที่ถูกน�า

          มาใช้ดังกล่าวไม่จ�ากัดเพียงสิทธิเชิงเนื้อหาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิทธิเชิงกระบวนการด้วย
                               ความส�าคัญของสิทธิมนุษยชนเชิงกระบวนการสามารถเห็นได้จากค�าพิพากษาของศาล
          สิทธิมนุษยชนแห่งยุโรปในคดี Oneryildiz v. Turkey ซึ่งกล่าวว่ามิติของสิทธิเชิงกระบวนการก็มีความเกี่ยวพันกับสิทธิใน

          ชีวิตด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในคดี Bladet Tromso v. Norway ก็ได้มีการน�าเอาสิทธิในข้อมูลข่าวสารมาปรับใช้กับกรณี
          การรายงานข่าวล่าแมวน�้า และในคดี Zander v. Sweden ได้มีการน�าเอาประเด็นการละเมิดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม
          ของประชาชนในการที่จะได้รับการชดใช้เยียวยา มาปรับใช้กับกรณีมลพิษในแหล่งน�้าชุมชน

                               สิทธิมนุษยชนเชิงกระบวนการได้ถูกน�ามาใช้ในคดีข้างต้นเพื่อให้การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตลอดจน
          การจัดการกับปัญหาและข้อพิพาทเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สามารถกระท�าได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด โดยเป็นการน�าเอา
          สิทธิเชิงกระบวนการมาเติมเต็มสิทธิเชิงเนื้อหา  สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามและพัฒนาการขององค์กรสิทธิมนุษยชน

          ของภูมิภาคยุโรป ในการน�าเอาสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้วมาใช้ในการจัดการสิ่งแวดล้อม
                               ส�าหรับภูมิภาคอเมริกา แม้จะได้มีการรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมไว้เป็นการเฉพาะแล้วในพิธีสาร

          ซานซัลวาดอร์ แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนก็เห็นความส�าคัญของสิทธิเชิงกระบวนการในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดย
          ระบุไว้อย่างชัดเจนในรายงานว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศเอกวาดอร์
                               ส่วนภูมิภาคแอฟริกา แม้จะยังไม่ได้มีการน�าเอาสิทธิเชิงกระบวนการมาปรับใช้กับกรณีพิพาท

          เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม แต่ The Banjul Charter ก็ได้มีการบัญญัติรับรองสิทธิมนุษยชนเชิงกระบวนการไว้เป็นการทั่วไป



                               กล่าวโดยสรุป ภูมิภาคยุโรปมีการน�าเอาสิทธิมนุษยชนเชิงกระบวนการมาใช้ในบริบทของปัญหา
          สิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน ดังปรากฏในคดีเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ส่วนภูมิภาคอเมริกา ยังไม่มีคดีหรือ
          ข้อพิพาททางสิ่งแวดล้อมใดที่ได้น�าเอาสิทธิเชิงกระบวนการมาใช้โดยตรง แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนก็ได้ท�ารายงานแสดง

          ความเห็นเกี่ยวกับบทบาทและความจ�าเป็นของสิทธิเชิงกระบวนการในการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ภูมิภาคแอฟริกา
          แม้จะยังไม่มีการน�าเอาสิทธิเชิงกระบวนการมาใช้ในบริบทของสิ่งแวดล้อม แต่ก็ได้มีการบัญญัติรับรองสิทธิมนุษยชนเชิง
          กระบวนการไว้เป็นการทั่วไปในเชิงเดียวกันกับภูมิภาคยุโรปและภูมิภาคอเมริกา





               ๖.๒.๒ การชั่งน�้าหนักระหว่างสิทธิที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมกับคุณค่าหรือสิทธิประการอื่น

                       แม้ภูมิภาคต่าง ๆ จะมีวิธีการเพื่อน�าเอากลไกทางสิทธิมนุษยชนมาใช้ในการจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อม
          แต่ก็มิได้หมายความว่าประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมจะอยู่เหนือปัจจัยด้านอื่น ๆ ที่รัฐจะต้องค�านึงถึง ประเด็นด้านการพัฒนา

          ประเทศและการคุ้มครองสิทธิประการอื่นของประชาชนย่อมต้องถูกน�ามาพิจารณาด้วยเช่นเดียวกัน
                       ข้อพิพาทเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของภูมิภาคยุโรปเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด โดยในคดีที่กล่าวอ้างถึง
          การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับความสุขหรือคุณภาพชีวิตที่ดีของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลขนาดย่อม เช่น สิทธิในการ

          เคารพชีวิตส่วนตัวและครอบครัว (Right to Respect for Private and Family Life) และสิทธิในการมีความสุขของ
          เจ้าของทรัพย์สินอย่างสงบ (Right to the Peaceful Enjoyment of One’s Possessions) ศาลสิทธิมนุษยชนจะชั่งน�้าหนัก




                                                          200
   196   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206