Page 197 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 197

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





                       ๖.๒.๑.๑ การอาศัยสิทธิมนุษยชนเชิงเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว
                               เนื่องจากสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวพันกับชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ จึงมีหลายกรณีที่ความ

          เสื่อมโทรมหรือมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบในทางลบต่อชีวิต สุขภาพ หรือคุณภาพชีวิตของมนุษย์ อันเป็นสิ่งที่ได้
          รับความคุ้มครองภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการน�าเอากลไกสิทธิมนุษยชนมาปรับใช้เพื่อรับมือกับปัญหา

          สิ่งแวดล้อม โดยอาศัยสิทธิมนุษยชนที่มีการรับรองโดยทั่วไปอยู่แล้วมาเป็นฐานในการให้ความคุ้มครอง
                               วิธีการเช่นนี้เป็นวิธีการแรกที่น�ามาใช้เพื่อเชื่อมโยงเอากลไกสิทธิมนุษยชนมาจัดการกับปัญหา
          สิ่งแวดล้อม  เนื่องจากในอดีตยังไม่มีภูมิภาคใดให้การรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมว่าเป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งเป็นการ

          เฉพาะ และถึงแม้จะมีการรับรองความเกี่ยวพันระหว่างสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ในระดับกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งในมุมมอง
          ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมและมุมมองของกฎหมายสิทธิมนุษยชนก็ตาม แต่การท�าลายสิ่งแวดล้อม หรือการก่อมลภาวะทาง

          สิ่งแวดล้อมยังไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในตัวเอง
                               อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุที่สิ่งแวดล้อมมีความเชื่อมโยงกับมนุษย์ ปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงอาจส่งผลกระทบ
          ในทางลบต่อมนุษย์ ซึ่งหากผลกระทบดังกล่าวเป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนประเภทต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว ก็ย่อมจะสามารถ

          น�าเอากลไกทางสิทธิมนุษยชนมาปรับใช้แก่กรณีดังกล่าวได้
                               คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนและศาลสิทธิมนุษยชนแห่งภูมิภาคยุโรปและภูมิภาคอเมริกาได้
          อาศัยวิธีการอ้างอิงสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้วเพื่อเป็นฐานในการเข้ามาจัดการระงับข้อพิพาททางสิ่งแวดล้อม เนื่องจาก

          อนุสัญญายุโรปว่าด้วยสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นอนุสัญญาหลักในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคของยุโรป และ
                                              106
          อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกา   ซึ่งเป็นอนุสัญญาหลักในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคของ
          อเมริกาต่างก็ไม่ได้บัญญัติรับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมเป็นสิทธิมนุษยชนประเภทหนึ่งเป็นการเฉพาะ



                               • ภูมิภาคยุโรป

                                 ในภูมิภาคยุโรป ศาลสิทธิมนุษยชนได้มีการอ้างอิงถึงสิทธิมนุษยชนหลายประเภท อาทิ สิทธิใน
          ชีวิต (Right to life) เช่น คดี Oneryildiz v. Turkey และสิทธิในการเคารพชีวิตส่วนตัวและครอบครัว (Right to Respect
          for Private and Family Life) เช่น คดี Lopez Ostra v. Spain แต่ไม่ใช่ทุกคดีที่เมื่อเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้วจะ

          เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนเสมอไป  เนื่องจากผู้ฟ้องคดียังต้องสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการท�าให้
          สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมและความเสียหายที่เกิดแก่ชีวิต ซึ่งในบางกรณี การหาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ถึงความเชื่อมโยง

          ดังกล่าวอย่างชัดแจ้งย่อมเป็นการยาก  ดังเช่น  ในคดี  L.C.B.  v.  UK  ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างว่ามีการละเมิดสิทธิในชีวิต
          แต่เนื่องจากผู้ฟ้องคดีไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความเชื่อมโยง (causal link) อย่างมีนัยส�าคัญระหว่างการสัมผัสรังสี
          นิวเคลียร์ของบิดาและการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวในลูกได้ ศาลสิทธิมนุษยชนจึงตัดสินว่าไม่มีการละเมิดสิทธิในชีวิต

                                    นอกจากนี้  แนวทางการอาศัยสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้วมาใช้ในคดีทางสิ่งแวดล้อมยังมีผล
          ท�าให้การน�าเอากลไกทางสิทธิมนุษยชนมาใช้ในบริบทของสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างจ�ากัด กล่าวคือ แม้จะมีการกระท�าต่อ
          สิ่งแวดล้อม  แต่ตราบใดที่การกระท�าดังกล่าวยังไม่ได้ส่งผลร้ายต่อชีวิตของมนุษย์โดยตรง  กรณีดังกล่าวย่อมยังไม่มีการละเมิด







                 106   ในเบื้องต้นจะพิจารณาเฉพาะอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งอเมริกา เนื่องจากพิธีสารซานซัลวาดอร์ซึ่งมีเนื้อหาเป็นการ

          รับรองสิทธิในสิ่งแวดล้อมนั้น ได้มีการประกาศบังคับใช้ในภายหลัง และจะน�ามาพิจารณาในหัวข้อถัดไป


                                                           196
   192   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202