Page 92 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 92

อาศัยอ�านาจตามบทบัญญัติกฎหมายที่ตราขึ้นเฉพาะ เพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐเพื่อคุ้มครองสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น
            เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันสุขภาพของประชาชน”



                     กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and
            Political Rights: ICCPR) ข้อ ๑๙ ก�าหนดให้บุคคลมีสิทธิที่จะมีความคิดเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง มีสิทธิในเสรีภาพ
            แห่งการแสดงออกรวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหา รับ และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและความคิดเห็นทุกประเภท โดยการใช้สิทธิ
            และเสรีภาพดังกล่าวต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบพิเศษควบคู่ไปด้วย และรัฐอาจจ�ากัดสิทธิเช่นว่าได้ ซึ่งต้องบัญญัติไว้ใน

            กฎหมายด้วยเหตุผลความจ�าเป็นต่อ (ก) การเคารพในสิทธิหรือชื่อเสียงของบุคคลอื่น และ (ข) การรักษาความมั่นคงของชาติ
            หรือความสงบเรียบร้อย หรือการสาธารณสุข หรือศีลธรรมของประชาชน



                     คณะกรรมการประจ�ากติการะหว่างประเทศฯ ได้ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและ
            การแสดงออกว่า เสรีภาพดังกล่าวเป็นสิทธิที่ไม่อาจแทนที่ได้เพื่อการพัฒนามนุษย์โดยสมบูรณ์ เป็นหลักการที่จ�าเป็นยิ่งต่อทุกสังคม
            เพื่อวางหลักฐานสังคมที่มีเสรีภาพและเป็นประชาธิปไตย เสรีภาพทั้งสองด้านนี้ต่างเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน โดยที่เสรีภาพในการแสดงออก
            จะท�าหน้าที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมไปสู่การแลกเปลี่ยนและการพัฒนาของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และเป็นปัจจัยส�าคัญ
            ต่อการตระหนักซึ่งหลักการแห่งความโปร่งใสและความรับผิดชอบที่ส่งผลส�าคัญยิ่งต่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ดี

            การใช้สิทธิในเสรีภาพดังกล่าวต้องด�าเนินไปพร้อมหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นพิเศษ กล่าวคือ การเคารพสิทธิและชื่อเสียง
            ของบุคคลอื่น หรือการปกป้องความมั่นคงของประเทศ หรือความสงบเรียบร้อยของสังคม หรือการสาธารณสุข หรือศีลธรรมของสังคม


            ๓.๔.๒ สถานการณ์ทั่วไป

                     หลังเกิดเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองอย่างยืดเยื้อยาวนานส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม มีการชุมนุม
            ปิดถนนสายหลัก สถานที่ราชการ มีการใช้อาวุธสงครามจากบุคคลไม่ทราบฝ่าย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจ�านวนมาก จนในที่สุด คสช.
            น�าโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้าควบคุมอ�านาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ หลังจากนั้น คสช.
            ได้ให้ทุกฝ่ายยุติการชุมนุม มีการออกประกาศ/ค�าสั่ง คสช. จ�านวนมาก ส่วนหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมา   สถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

            เช่น การค้ามนุษย์ ปัญหานโยบายจ�าน�าข้าว ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้ส่งผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
            โดยเฉพาะสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความเห็น การชุมนุมทางการเมือง ได้แก่ ค�าสั่ง คสช. ฉบับที่ ๗/๒๕๕๗ ห้ามมิให้มั่วสุม
            หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใด ๆ ที่มีจ�านวนตั้งแต่ ๕ คน ขึ้นไป รวมถึงการเรียกให้บุคคลมารายงานตัวตลอดจนการก�าหนดให้ความผิด

            บางประเภทอยู่ในอ�านาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหาร ซึ่งเมื่อเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองมีความคลี่คลายในระดับหนึ่ง
            จึงได้มีค�าสั่งหัวหน้า  คสช.ที่  ๕๕/๒๕๕๙  เมื่อวันที่  ๑๒  กันยายน  ๒๕๕๙  ให้การกระท�าผิดที่อยู่ในอ�านาจ
            พิจารณาพิพากษาคดีของศาลทหารให้อยู่ในอ�านาจการพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมตั้งแต่วันที่ค�าสั่งดังกล่าวใช้บังคับ    บทที่
            แต่การกระท�าผิดก่อนหน้านั้นยังคงต้องอยู่ในการพิพากษาคดีของศาลทหารซึ่งไม่สามารถอุทธรณ์หรือฎีกาค�าพิพากษาได้  ๓



                     ในการน�าเสนอรายงานการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ภายใต้กระบวนการ UPR รอบที่ ๒ ต่อที่ประชุม
            คณะท�างาน UPR สมัยที่ ๒๕ ที่นครเจนีวาเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ คณะผู้แทนไทยรับข้อเสนอแนะจากประเทศต่าง ๆ
            จ�านวน ๑๘๑ ข้อ ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก เช่น ประกันว่า

            สิทธิในเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมได้รับการคุ้มครองและเคารพอย่างเต็มที่ ท�าให้กฎหมายภายในเกี่ยวกับเสรีภาพ
            ในการแสดงออกสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ เคารพเสรีภาพของสื่อมวลชนและส่งเสริมมาตรการเพื่อปกป้องเสรีภาพของ
            สื่อมวลชน การสอบสวนและด�าเนินการทางศาลกรณีการใช้ความรุนแรงต่อสื่อมวลชน เป็นต้น ส�าหรับข้อเสนอแนะที่ไทยรับกลับมา
            พิจารณา จ�านวน ๖๘ ข้อ ในประเด็นการส่งเสริมและคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออก เช่น การยกเลิก
            ข้อจ�ากัดมาตรา ๖๑ กฎหมายประชามติและค�าสั่ง คสช. ที่ ๗/๒๕๕๗ ทบทวนกฎหมาย ที่เกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร





                                     รายงานผลการประเมินสถานการณ์  91  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97