Page 91 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 91
ความจ�าเป็น โดยเฉพาะต่อสิทธิในเสรีภาพแห่งการแสดงออกและการแสดงความคิดเห็น และสิทธิในความเป็นส่วนตัว ดังนั้น
จึงอาจกล่าวได้ว่าการคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลในเชิงโครงสร้างของกฎหมายยังคงด�าเนินไป
โดยขาดความสมดุลและขาดความสอดคล้องต่อหลักการของ ICCPR และรัฐธรรมนูญ
แม้ในปี ๒๕๕๘ รัฐบาลจะได้มีความพยายามในการยกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ แล้วก็ตาม แต่
ในปี ๒๕๕๙ ร่างพระราชบัญญัตินี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีการพิจารณาคืบหน้าไปอย่างไร ทั้งที่เป็นร่างกฎหมายที่มีเจตนารมณ์
ในการคุ้มครองสิทธิของบุคคลและสร้างภาระหน้าที่ต่อองค์กรหรือหน่วยงาน ซึ่งมีหน้าที่ในการด�าเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคล
และยังมีบทบัญญัติบางประการที่สร้างความกังวลว่าไม่อาจให้ความคุ้มครองสิทธิของประชาชนได้อย่างเหมาะสม จึงถือได้ว่า
เป็นกระบวนการยกร่างกฎหมายที่มีความล่าช้าและไม่เป็นที่รับทราบของสังคมมากนัก ทั้งนี้ สังเกตได้จากการที่คณะรัฐมนตรี
ได้มีมติเห็นชอบต่อหลักการของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุดร่างกฎหมายดิจิทัล
เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ และผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นเรื่องเสร็จที่ ๑๑๓๕/๒๕๕๘ จนกระทั่ง
ในปี ๒๕๕๙ ก็ยังอยู่ระหว่างการทบทวนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ประเทศไทยก�าลังประสบปัญหาการละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่องและ
มีแนวโน้มเพิ่มจ�านวนมากขึ้น หากเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารมีความก้าวหน้าและเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนสังคมและ
วิถีชีวิตของบุคคลมากขึ้นเท่าใด โดยที่ประเทศไทยยังขาดกลไกหรือมาตรการที่จะให้ความคุ้มครองสิทธิในความเป็นส่วนตัวและ
ข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งบุคคลยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักในการใช้สิทธิของตนโดยค�านึงถึงสิทธิของบุคคลอื่น
อย่างเหมาะสมเพียงพอ โอกาสที่สิทธิในความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลจะตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกละเมิด
ไม่ว่าจะโดยพลการหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของรัฐในการด�าเนินการพัฒนาความรู้
ความเข้าใจต่อผู้ด�าเนินการที่เกี่ยวข้องกับสิทธิในความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคลทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจเอกชน
ตลอดจนการพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การสร้างจิตส�านึกและความตระหนักในสิทธิในความเป็นส่วนตัวของบุคคล
เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสาร และการบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ
ในอนาคตต่อไป
๓.๔ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุม
๓.๔.๑ หลักการสิทธิมนุษยชน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ รับรองสิทธิ
และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไว้ในมาตรา ๔๕ ว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพ
ในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณาและการสื่อความหมาย
โดยวิธีอื่น การจ�ากัดเสรีภาพดังกล่าวจะกระท�ามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอ�านาจตาม
บทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
เกียรติยศชื่อเสียง สิทธิในครอบครัวหรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่น เพื่อรักษา
ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเพื่อป้องกันหรือระงับ
ความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชน โดยรัฐธรรมนูญฯ ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช ๒๕๕๗ ยังคงให้การรับรองว่า
๑๐๘
สิทธิและเสรีภาพที่เคยได้รับมาย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ โดยร่างรัฐธรรมนูญฯ (ฉบับลงประชามติ)
ยังรับรองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นไว้ในมาตรา ๓๔ ว่า “บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่น การจ�ากัดเสรีภาพดังกลาวจะกระท�ามิได้ เว้นแต่โดย
๑๐๘ ปัจจุบันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 90 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙