Page 75 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 75
สุดท้ายจึงไปสู่สิทธิในกระบวนการยุติธรรมปลายทาง คือ การได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามหลักสิทธิมนุษยชนของเจ้าหน้าที่
ราชทัณฑ์ ทั้งนี้ แนวความคิดของการลงโทษเป็นการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระท�าผิด เพื่อให้กลับคืนสู่สังคม ซึ่งเมื่อผู้กระท�าผิดพ้นโทษ
บุคคลนั้นควรที่จะสามารถกลับคืนสู่สังคมได้ตามปกติ มีอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อป้องกันมิให้กลับไปกระท�าความผิดซ�้า
และแม้ว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้ถูกยกเลิก แต่สิทธิดังกล่าวยังคงได้รับการรับรองโดย
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๔ และยังคงปรากฏสาระส�าคัญในร่าง
๕๕
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... (ฉบับลงประชามติ)
หลักการต่าง ๆ ที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญได้ถูกน�ามาบัญญัติไว้ในกฎหมายหลาย ๆ ฉบับ เช่น ประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา ประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จ�าเลย
ในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ พระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็นต้น
นอกจากนี้ รัฐได้มีการบัญญัติพระราชบัญญัติพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙ โดยมีวัตถุประสงค์
ให้เกิดการพัฒนาระบบบริหารงานยุติธรรมอย่างบูรณาการ และเพื่อให้เกิดการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
ในกระบวนการยุติธรรม จึงได้ก�าหนดให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติจัดท�าแผนแม่บทการบริหารงาน
ยุติธรรมแห่งชาติขึ้น เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางประสานความร่วมมือในการบริหารงานยุติธรรมระหว่างหน่วยงานของรัฐและ
องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานยุติธรรมให้เป็นไปอย่างสอดคล้อง และมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะท�าให้การ
อ�านวยความยุติธรรมมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของสังคมได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรม โดย
ส�านักงานกิจการยุติธรรมได้มีการจัดท�าแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ - ๒๕๕๕ ซึ่งนับเป็นแผน
ฉบับแรก ขณะนี้อยู่ระหว่างการด�าเนินการตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ - ๒๕๖๑ ซึ่งเป็น
แผนฉบับที่สอง โดยแผนแม่บทฉบับนี้ได้ก�าหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นในอนาคตไว้ ๔ ประการ คือ เป้าหมายที่ ๑
การให้บริการประชาชนของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายเหมาะสม
เป้าหมายที่ ๒ ประชาชนสามารถเข้าถึงการให้บริการของหน่วยงานยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม เป้าหมายที่ ๓ หน่วยงานยุติธรรม
มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม และเป้าหมายที่ ๔ ปริมาณคดีที่ขึ้นสู่ศาลลดลง
อย่างไรก็ตาม ในสมัยประชุมที่ ๘๔ ของคณะ
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติว่าด้วยกติกา
ระหว่างประเทศฯ ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ กรกฎาคม
๒๕๔๘ คณะกรรมการฯ มีข้อสังเกตโดยสรุป (Concluding
Observations) ต่อการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศไทย
๕๖
ในกรณีตากใบ กรือเซะ สงครามปราบปรามยาเสพติดว่า
ควรให้มีการจัดตั้งกลไกสอบสวนที่เป็นกลาง การประกันว่า
การประกาศใช้กฎหมายพิเศษด้านความมั่นคงในพื้นที่
ชายแดนใต้สอดคล้องตามบทบัญญัติของ ICCPR ข้อ ๔
ว่าด้วยการประกาศภาวะฉุกเฉิน (State of Emergency) การทบทวนการใช้โทษประหารชีวิตคดีความผิดเกี่ยวกับ
ยาเสพติด การประกันว่าผู้ถูกคุมขังจะเข้าถึงการได้รับค�าปรึกษาทางกฎหมายและเข้าถึงแพทย์ ให้ผู้ถูกคุมขังมีโอกาส
แจ้งครอบครัวทราบเกี่ยวกับการจับกุมและสถานที่คุมขัง มีการสอบสวนทันทีที่มีการกล่าวหาว่ามีการกระท�าทรมานโดย
เจ้าหน้าที่ต�ารวจและเมื่อมีการตายในสถานคุมขัง มีการลงโทษผู้กระท�าผิดและจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายหรือครอบครัว
ควรปรับปรุงสภาพเรือนจ�าและใช้การจ�าคุกเป็นการลงโทษล�าดับสุดท้าย การยุติการขังเดี่ยว มีการคุ้มครองเยาวชนและไม่ขัง
๕๕ ปัจจุบันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
๕๖ From Consideration of reports submitted by states parties under article 40 of the covenant, retrieved from http://tbinternet.ohchr.org/
_layouts/treatybodyexternal/Download.aspx?symbolno=CCPR/CO/84/THA&Lang=En
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 74 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙