Page 78 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 78

พบว่า มีการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ต�ารวจมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากกว่าเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานอื่น และมีการละเมิด
            สิทธิมนุษยชนในหลาย ๆ ขั้นตอน เช่น การใช้ก�าลังในขั้นจับกุม การไม่แจ้งสิทธิตามกฎหมาย การท�าร้ายเพื่อให้รับสารภาพ

                                                                     ๖๒
            การน�าผู้ต้องหาแถลงข่าวหรือท�าแผนประกอบค�ารับสารภาพ เป็นต้น  ปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเจ้าหน้าที่ต�ารวจจะเป็นปัญหา
            ในทางปฏิบัติที่เจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเพราะมุ่งที่จะป้องปรามอาชญากรรมและน�าตัวผู้กระท�าความผิดเข้าสู่
            กระบวนการยุติธรรม
                     ๒.๒) กระบวนการยุติธรรมกลางน�้า ได้แก่ ในชั้นอัยการ และชั้นศาล พบว่า มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการปล่อยตัว
            ชั่วคราวที่มีการก�าหนดหลักประกัน หากไม่มีหลักประกันจะไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ปัญหาการน�าคดีเข้าสู่กระบวนการ

            ยุติธรรมจ�านวนมากโดยไม่มีการน�ามาตรการชะลอการฟ้องมาใช้ ปัญหาทนายอาสาที่ขาดความเชี่ยวชาญในการว่าความ
            ปัญหาการมีโทษทางอาญาที่มากจนเกินไป ปัญหาการพิจารณาคดีพลเรือนในศาลทหาร ปัญหาที่เกิดขึ้นมีทั้งปัญหาในทาง
            ปฏิบัติและปัญหาในทางกฎหมายซึ่งส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคล

                     ๒.๓) กระบวนการยุติธรรมปลายน�้า ได้แก่ ในชั้นราชทัณฑ์ มีการศึกษาพบว่า ปัญหาที่ส�าคัญคือ ปัญหานักโทษ
            ล้นเรือนจ�า จากสถิติผู้ต้องขังในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมาพบว่า จ�านวนผู้ต้องขังเกินความจุปกติที่เรือนจ�าจะรองรับได้ท�าให้มีสภาพ
            ความแออัดยัดเยียดของผู้ต้องขังในเรือนจ�า หรือที่เรียกว่า “สภาวะผู้ต้องขังล้นเรือนจ�า” นั้น จะส่งผลต่อสภาพความเป็นอยู่
            ของผู้ต้องขังในทางลบ และยังส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการเรือนจ�าอีกด้วย เพราะท�าให้การจัดสวัสดิการและการดูแล
            ผู้ต้องขังในด้านต่าง ๆ ท�าได้ด้วยความยากล�าบาก ผู้ต้องขังต้องนอน กินและใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างแออัด ผู้ต้องขัง

            จ�านวนมากต้องว่างงานเนื่องจากไม่มีสถานที่และปริมาณงานเพียงพอที่จะจ่ายให้ผู้ต้องขัง ท�าให้ผู้ต้องขังต้องอยู่ว่าง ๆ
            คิดฟุ้งซ่าน และหันไปมีพฤติกรรมละเมิดกฎระเบียบของเรือนจ�า ไม่ว่าจะเป็นการเล่นการพนันหรือแม้แต่หันไปสู่การกระท�าผิด
            กฎหมายหรือประกอบอาชญากรรมเกี่ยวกับยาเสพติดในเรือนจ�า ๖๓



                                                                        การบังคับโทษตามค�าพิพากษาเป็นหน้าที่ของกรม
                                                               ราชทัณฑ์ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙
                                                               ซึ่งได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน และมีบทบัญญัติบางประการ
                                                               ไม่สอดคล้องกับนโยบายทางอาญาของประเทศ ประกอบกับ        สถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง

                                                               มีกฎหมายและกฎเกณฑ์ในระดับสากลที่เกี่ยวข้องกับการ
                                                               ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังประเภทต่าง ๆ และการปฏิบัติงานของ
                                                               เจ้าหน้าที่ ซึ่งมิได้มีการบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติดังกล่าว

                                                               ส่งผลให้การด�าเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไม่สอดคล้องตาม
            มาตรฐานสากล อาทิ ข้อก�าหนดมาตรฐานขั้นต�่าส�าหรับปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (Standard Minimum Rules for the Treatment
            of Prisoners: SMR) หรือข้อก�าหนดของสหประชาชาติส�าหรับการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจ�าและมาตรการที่มิใช่   บทที่
            การควบคุมขังส�าหรับผู้กระท�าผิดหญิง (United Nations Rules for the Treatment of Women Prisoners and      ๓
            Non-Custodial Measures for Women Offenders) หรือข้อก�าหนดกรุงเทพ (Bangkok Rules) รวมทั้งยังไม่สามารถจัดการหรือ

            บริหารโทษของผู้ต้องขังเฉพาะรายหรือเฉพาะคดีได้อย่างเหมาะสม เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติให้อ�านาจในการด�าเนินการ
            และไม่สามารถด�าเนินการให้มีสถานที่ควบคุมหรือคุมขังผู้ต้องขังประเภทอื่นนอกจากการคุมขังไว้ในเรือนจ�า ซึ่งท�าให้ระบบ
            การพัฒนาพฤตินิสัยและการบริหารงานเรือนจ�าไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ก�าหนดไว้  และพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ยังมีบทบัญญัติ
                                                                            ๖๔
            ที่มีผลเป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ต้องขัง เช่น การขังเดี่ยวที่ก�าหนดไว้ ๓ เดือน ถือว่ายาวนานเกินไป
            ละเมิดสิทธิของผู้ต้องขังเกินสมควร   การใช้เครื่องพันธนาการกับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาไม่สอดคล้องกับหลักการสันนิษฐานว่า
                                        ๖๕

                     ๖๒  แหล่งเดิม.
                     ๖๓  จาก นักโทษล้นคุกกับมาตรการทางเลือกในการปฏิบัติต่อผู้กระท�าผิดโดยไม่ใช้เรือนจ�า, โดย นัทธี จิตสว่าง, ๒๕๕๕, สืบจ้นจาก https://www.gotoknow.org/posts/497865
                     ๖๔  เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐
                     ๖๕  จาก มาตรการทางกฎหมายในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง: ศึกษากรณีการขังเดี่ยว, โดย เริงชัย สินกอง, (วิทยานิพนธ์นิติศาสตรมหาบัณฑิต) สาขาวิชานิติศาสตร์ คณะ
            นิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์, ๒๕๕๘, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, ไทย.


                                     รายงานผลการประเมินสถานการณ์  77  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83