Page 57 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 57
๔. สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเฉพาะ
สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเฉพาะที่อาจเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนที่จะกล่าวถึง ๘ กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มชาติพันธุ์ คนไร้รัฐและไร้สัญชาติ กลุ่มคนพิการ กลุ่มเด็ก กลุ่มนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ
กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม และกลุ่มสตรี มีความเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิในด้านต่าง ๆ ที่ได้รับการ
ประกันทั้งจากพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรฐานระหว่าง
ประเทศอื่น ๆ ตลอดจนการประกาศรับตามข้อเสนอและที่รัฐบาลประกาศ หรือยอมรับการด�าเนินการในกระบวนการ UPR
กลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้ นอกจากเป็นกลุ่มบุคคลที่สังคมให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นกลุ่มเฉพาะที่มีแนวโน้มที่จะถูก
ละเมิดสิทธิมนุษยชนสูงแล้ว ยังเป็นกลุ่มที่มักจะถูกละเมิดซ�้าซ้อนด้วยเหตุแห่งการมีสถานะต่าง ๆ เช่น กลุ่มสตรีที่พิการ กลุ่ม
เด็กที่เป็นผู้ติดตามแรงงานเข้าเมืองหรือมีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มสตรีหรือกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นต้น
โดย กสม. พบว่า รัฐบาลได้ให้ความสนใจและมีความพยายามที่จะคุ้มครองสิทธิของกลุ่มบุคคลทั้ง ๘ กลุ่ม ผ่านการก�าหนดนโยบาย
การตรากฎหมายและการมีแนวปฏิบัติที่มีความก้าวหน้าหลายประการ อย่างไรก็ตาม กรณีที่พบเห็นทั่วไปก็คือ
การขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของหน่วยงานในการน�านโยบายและกฎหมายไปปฏิบัติ การขาดการบูรณาการ
(policy coherence) การใช้นโยบายและกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ท�าให้กลุ่มเฉพาะแต่ละกลุ่มมิได้รับ
การคุ้มครองสิทธิตามเจตนารมณ์ของการก�าหนดนโยบายและกฎหมายเท่าที่ควร โดยสรุปได้ดังนี้
กลุ่มชาติพันธุ์ คนไร้รัฐและไร้สัญชาติ
ปัจจุบันสังคมไทยมีความเป็นพหุลักษณ์ (pluralism) มากยิ่งขึ้น โดยพบว่า มีกลุ่มชาติพันธุ์ คนไร้รัฐ และไร้สัญชาติ
ที่ปรากฏตัวอยู่ในประเทศไทย ซึ่งล้วนอยู่ในประเทศไทยมานานหลายชั่วอายุคน แต่ยังประสบสภาวะการไร้รัฐ ไร้สัญชาติ
โดยสาเหตุหลักมาจากข้อจ�ากัดของกฎหมายสัญชาติ และสิทธิในความเป็นพลเมืองของรัฐไทย ท�าให้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิมนุษยชน
ขั้นพื้นฐาน หรือการพัฒนาต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังขาดนิยามที่ชัดเจนเกี่ยวกับอัตลักษณ์ตัวตนของชนพื้นเมือง (indigenous
peoples) ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อปัญหาสิทธิและสถานะของบุคคคลในรัฐไทยทั้งสิ้น จากการตรวจสอบกรณีร้องเรียน กสม.
พบลักษณะส�าคัญที่ท�าให้เกิดปัญหาสิทธิของบุคคลในกลุ่มนี้ กล่าวคือ
• การเป็นคนไร้รัฐ ไร้สัญชาติ จากการขาดเอกสารพิสูจน์ตน การขาดความชัดเจน หรือปัญหาข้อติดขัดในการ
เพิ่มชื่อในทะเบียนราษฎร และขอมีบัตรประจ�าตัวประชาชน
• การเป็นบุคคลไร้รากเหง้า ทั้งเหตุจากการก�าพร้าบุพการี หรือการถูกทอดทิ้ง
• การถูกจ�าหน่าย หรือการระงับความเคลื่อนไหวรายการบุคคลทางทะเบียนราษฎร
• การขาดความชัดเจนของกฎหมาย นโยบาย หรือการปฏิบัติที่เกี่ยวกับการขอแปลงสัญชาติ (เป็นไทย) ส�าหรับ
บุคคลไร้สัญชาติในบางกรณี (อาทิ บุคคลผู้ท�าคุณประโยชน์)
ในขณะที่ รัฐได้ด�าเนินการแก้ไขปัญหาการไร้รัฐ ไร้สัญชาติ
อย่างต่อเนื่อง โดยการตราและพัฒนากฎหมาย และนโยบาย
ให้สอดคล้องกัน เพื่อแก้ไขปัญหาการไร้รัฐ ไร้สัญชาติใน ๔ ส่วนหลัก
คือ (๑) การแก้ไขการไร้สัญชาติที่เกิดจากประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่
๓๓๗ โดยก�าหนดพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ แก้ไขเพิ่มเติม
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๒๓ เพื่อแก้ไขปัญหาบุคคล
ไร้สัญชาติอันเนื่องมาจากการยกเลิกหลักเกณฑ์การให้สัญชาติ
โดยหลักดินแดน (๒) การให้สัญชาติกับบุคคลที่สืบสันดานจากบุพการีที่มีเชื้อสายไทย แต่ไม่ได้สัญชาติไทย หรือเสียสัญชาติไทย
โดยผลของกฎหมายอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงเขตแดน (state succession) อาทิ กลุ่มคนพลัดถิ่นเชื้อสายไทย
หรือคนไทยพลัดถิ่น (๓) การลดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสัญชาติไทยเฉพาะราย (๔) การแก้ไขปัญหาสัญชาติ
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 56 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙