Page 232 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 232

Covenant on Economic, Social and Cultural Rights : ICESCR) ต่างประกันสิทธิที่เท่าเทียมกันระหว่างสตรีและบุรุษ
            และห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ



                                                      ส�าหรับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ
                                              (Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination Against
                                              Women: CEDAW) ได้ก�าหนดประเด็นส�าคัญที่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อสตรี
                                              และประกันว่าสตรีและบุรุษมีสิทธิที่จะได้รับการปฏิบัติและดูแลจากรัฐอย่างเสมอ

                                              ภาคกัน โดยรัฐภาคีมีพันธกรณีส�าคัญที่จะต้องก�าหนดมาตรการเพื่อสร้างความเท่า
                                              เทียมกันระหว่างบุรุษและสตรี ปรับรูปแบบทางสังคมและวัฒนธรรม เพื่อให้เอื้อต่อ
                                              การขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี ปราบปรามการลักลอบค้าและแสวงหาประโยชน์

            ทางเพศจากสตรี ประกันความเท่าเทียมกันระหว่างบุรุษและสตรีในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการด�ารงชีวิต ทั้งในระดับ
            ประเทศและระหว่างประเทศ เช่น สิทธิในการเลือกตั้ง การสนับสนุนให้ด�ารงต�าแหน่งที่ส�าคัญ ความเท่าเทียมกันในกฎหมาย สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเฉพาะ
            ว่าด้วยสัญชาติ และการศึกษา การได้รับโอกาสในการจ้างงานที่เท่าเทียมกัน การป้องกันความรุนแรงต่อสตรีในสถานที่ท�างาน
            ความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ การประกันความเป็นอิสระด้านการเงินและความมั่นคง ด้านสังคม และ
            การให้ความส�าคัญแก่สตรีในชนบท ความเท่าเทียมกันทางกฎหมาย โดยเฉพาะในด้านกฎหมายแพ่งและกฎหมายครอบครัว

            ซึ่งเป็นการประกันความเท่าเทียมกันในชีวิตส่วนบุคคล


                     ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา CEDAW โดยการภาคยานุวัติ และมีผลใช้บังคับกับประเทศไทยตั้งแต่วันที่

            ๘ กันยายน ๒๕๒๘ โดยขณะเข้าเป็นภาคีได้ตั้งข้อสงวนต่อข้อบทต่าง ๆ จ�านวน ๗ ข้อ  ปัจจุบันคงเหลือข้อสงวน ๑ ข้อ คือ    บทที่
                                                                                 ๔๙๖
                                                                                                                    ๖
            ข้อ ๒๙ การตีความ และการระงับข้อพิพาท นอกจากสนธิสัญญาหลักแล้ว ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันพิธีสารเลือกรับของ
            อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Optional Protocol to the Convention on the Elimination
            of All Forms of Discrimination Against Women: OP-CEDAW) เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๓ มีผลใช้บังคับกับ
            ประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๔๓ ซึ่งมีสาระส�าคัญเกี่ยวกับการยอมรับอ�านาจของคณะกรรมการประจ�าอนุสัญญา

            ในการรับและพิจารณาข้อร้องเรียนในกรณีที่มีการละเมิดพันธกรณีที่ปรากฏในอนุสัญญาและเกี่ยวข้องกับรัฐภาคี โดยผู้ร้องเรียน
            อาจเป็นบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในนามของผู้ถูกละเมิด



                     รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ ได้รับรองความเสมอภาคระหว่างสตรีและบุรุษ และการห้ามการ
            เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศ และในรัฐธรรมนูญฉบับต่อมา เช่น รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
            ๒๕๕๐ ก็ได้รับรองความเสมอภาคและสิทธิที่เท่าเทียมกันระหว่างสตรีและบุรุษ โดยการห้ามการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความ
            แตกต่างใด ๆ รวมถึงความแตกต่างทางเพศ ซึ่งหลักการดังกล่าวได้ถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ (ฉบับลงประชามติ) เช่นเดียวกัน


            ๖.๘.๒ สถานการณ์ทั่วไป

                     คณะกรรมการการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีมีข้อสังเกตโดยสรุป  (Concluding  Observation)
            ภายหลังการเสนอรายงานของประเทศไทย  ฉบับที่ ๔ - ๕ เมื่อเดือนมกราคม ๒๕๔๙ หลายประเด็น อาทิ
                                                   ๔๙๗
                     ๔๙๖  ข้อสงวนต่อข้อบทต่าง ๆ จ�านวน ๗ ข้อ คือ ข้อ ๗ ความเสมอภาคทางการเมืองและต�าแหน่งราชการ ข้อ ๙ วรรค ๒ การถือสัญชาติของบุตร ข้อ ๑๐ ความเสมอภาคในด้าน
            การศึกษา ข้อ ๑๑ วรรค ๑ (b) โอกาสในการที่จะได้รับการจ้างงานชนิดเดียวกัน ข้อ ๑๕ วรรค ๓ การท�าสัญญาของสตรี ข้อ ๑๖ ความเสมอภาคในด้านครอบครัวและการสมรส ข้อ ๒๙ การ
            ระงับการตีความการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ
                     ๔๙๗  รัฐภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบมีพันธกรณีระหว่างประเทศที่ต้องเสนอรายงานของรัฐภาคีต่อคณะกรรมการประจ�าอนุสัญญา เพื่อ
            รายงานถึงผลการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงมาตรการทั้งด้านนิติบัญญัติ ตุลาการ รวมถึงด้านบริหารภายในประเทศของตน เพื่อให้มีผลต่อบทบัญญัติของอนุสัญญาฉบับนี้ โดยจะต้องเสนอรายงาน
            ฉบับแรกภายในปีแรก นับจากวันที่อนุสัญญามีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ คณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีได้มีข้อเสนอแนะเรื่องการรายงานโดยรัฐภาคีไว้ว่า รายงานฉบับแรกซึ่งต้องจัดท�าส่ง
            ตามมาตรา ๑๘ ของอนุสัญญานั้นควรครอบคลุมสถานการณ์นับถึงวันที่ส่งรายงาน หลังจากนั้น ควรมีการส่งรายงานฉบับต่อไปอย่างน้อยทุก ๆ ๔ ปี หลังจากที่ครบก�าหนดส่งรายงานฉบับแรก
            และควรกล่าวถึงอุปสรรคในการปฏิบัติตามอนุสัญญาอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งมาตรการในการแก้ไขอุปสรรคเหล่านั้น ประเทศไทยได้เสนอรายงานการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือก
            ปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบฉบับแรก (CEDAW/C/5/Add.51) เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๐ รายงานที่ ๒ - ๓ (ฉบับรวม) (CEDAW/C/THA/2-3) ส่งเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ และรายงานฉบับที่
            ๔ – ๕ (ฉบับรวม) (CEDAW/C/THA/4-5) ส่งเมื่อปี ๒๕๔๖ และฉบับล่าสุดของการส่งรายงานของประเทศไทย คือ รายงาน ฉบับที่ ๖ - ๗ (CEDAW/C/THA/6-7) ส่งเมื่อ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘

                                     รายงานผลการประเมินสถานการณ์  231  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   227   228   229   230   231   232   233   234   235   236   237