Page 230 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 230
ถิ่นฐาน (๕) ออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองแรงงานข้ามชาติจากการกดขี่และการแสวงหาประโยชน์ (๖) ทบทวนกฎหมายด้าน
แรงงานและการโยกย้ายถิ่นฐาน เพื่อรองรับอุปสงค์แรงงานราคาถูก และทักษะต�่าหรือกึ่งมีทักษะ และเพื่อจัดให้มีทางเลือกของ
การโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย อีกทั้งได้ให้ค�ามั่นโดยสมัครใจ (Pledge) ต่อที่ประชุม UPR ในการที่จะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา
องค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๑๘๘ ว่าด้วยการท�างานในภาคประมง และจะศึกษาความเป็นไปได้ของการเข้าเป็น
ภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกครอบครัว อย่างไรก็ดี พบว่า มีปัญหาแรงงานข้ามชาติ
มีลักษณะคล้ายคลึงกับปัญหาในปีที่ผ่านมาและยังเป็นปัญหาต่อเนื่องในปี ๒๕๕๙ โดยมีสถานการณ์ปัญหาที่ส�าคัญ ดังนี้
(๑) สภาพการท�างาน
มีข้อมูลจากสื่อต่างประเทศรายงานว่า มีการใช้แรงงานทาสในอุตสาหกรรมส่งออกเนื้อไก่ โดยมีแรงงานชาวเมียนมา
ต้องท�างานในฟาร์มไก่แห่งหนึ่งยาวนานถึง ๒๒ ชั่วโมงต่อวัน มีสภาพความเป็นอยู่ที่ย�่าแย่ ไม่ถูกสุขลักษณะ และถูกยึด
๔๙๓
หนังสือเดินทาง (passport) ท�าให้ไม่สามารถหลบหนีหรือมีข้อเรียกร้องใดต่อนายจ้างได้ โดยในเรื่องนี้แรงงานเมียนมา
จ�านวน ๑๔ ราย โดยเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) ได้ร้องเรียนต่อ กสม. โดยกล่าวอ้างว่า แรงงานดังกล่าว สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเฉพาะ
ต้องท�างานในฟาร์มเลี้ยงไก่ตั้งแต่ ๐๗.๐๐ – ๑๗.๐๐ นาฬิกาและถูกบังคับให้ท�างานล่วงเวลาตั้งแต่เวลา ๑๙.๐๐ – ๐๕.๐๐
นาฬิกา และไม่มีวันหยุดประจ�าสัปดาห์ อีกทั้งยังไม่จัดให้มีวันหยุดพักผ่อนประจ�าปี และได้ค่าจ้างรายวันเพียงวันละ ๒๓๐ บาท
นอกจากนี้ ยังถูกจ�ากัดเสรีภาพในการเดินทางโดยสามารถออกจากฟาร์มได้เพียงสัปดาห์ละ ๒ ชั่วโมง รวมทั้งถูกยึดเอกสาร
ประจ�าตัวไว้ ซึ่ง กสม. ได้ด�าเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว มีความเห็นว่า ผู้ประกอบกิจการฟาร์มไก่มิได้ละเมิด
สิทธิมนุษยชนเข้าข่ายใช้แรงงานทาส หรือกักขังหน่วงเหนี่ยว แต่เป็นการละเมิดสิทธิแรงงาน ในประเด็นการหักค่าใช้จ่าย
ออกจากค่าจ้าง ซึ่งมิใช่ค่าใช้จ่ายตามที่ได้รับการยกเว้นตามมาตรา ๗๖ และกรณีการก�าหนดวันหยุดซึ่งขัดต่อมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ โดย กสม. ได้มีมาตรการการแก้ไขปัญหาและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย บทที่
๖
ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงแรงงานควรเร่งจัดท�าแนวปฏิบัติเพื่อให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสัตว์ปีกได้
ปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติเข้าเมืองโดยถูกกฎหมายตามหลักการสิทธิมนุษยชน คณะรัฐมนตรีควรเร่งน�าหลักการชี้แนะเรื่อง
สิทธิมนุษยชนส�าหรับธุรกิจตามกรอบงานขององค์การสหประชาชาติในการคุ้มครอง เคารพ และเยียวยา (Guiding Principles
on Implementing the UN Protect, Respect, Remedy Framework for Business and Human Rights: UNGP)
มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร ๔๙๔
(๒) ระบบประกันสังคมและการเข้าถึงบริการสาธารณสุข
ในปี ๒๕๕๙ พบว่า แรงงานข้ามชาติยังประสบปัญหาในการเข้าถึงและ
ใช้สิทธิจากระบบประกันสังคมและหลักประกันสุขภาพคล้ายคลึงกับปีที่ผ่านมา
เช่น อุปสรรคด้านภาษา นายจ้างบางรายไม่ด�าเนินการให้แรงงานข้ามชาติ
เข้าสู่ระบบทะเบียนประกันสังคม หรือไม่น�าส่งเงินสมทบ หรือส่งไม่ต่อเนื่อง
การปฏิเสธการขายบัตรประกันสุขภาพของโรงพยาบาลจ�านวนมากให้แก่
แรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม สถานที่ตั้งของโรงพยาบาลที่จ�าหน่ายบัตร
ประกันสุขภาพมีจ�านวนน้อยและอยู่ไกลจากพื้นที่ที่แรงงานท�างาน รวมถึงแรงงานข้ามชาติที่ท�างานในบ้านยังไม่สามารถเข้าถึง
กองทุนเงินทดแทนกรณีเจ็บป่วยจากการท�างานได้ เนื่องจากอุปสรรคจากการนิยามค�าว่า “ลูกจ้าง” ตามพระราชบัญญัติ
เงินทดแทน พ.ศ. ๒๕๓๗ ซึ่งมิได้รวมถึงลูกจ้างซึ่งท�างานเกี่ยวกับงานบ้านอันมิได้มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย
อนึ่ง มีประเด็นการฟ้องร้องของแรงงานชาวเมียนมาในประเด็นเรื่องเข้าถึงสิทธิในกองทุนเงินทดแทน ซึ่งมีการก�าหนด
เงื่อนไขให้แรงงานข้ามชาติที่ประสบอันตรายจากการท�างานเข้าถึงเงินทดแทนได้นั้น จะต้องมีสถานะการเข้าเมือง เอกสารแสดงตน
๔๙๓ จาก สื่ออังกฤษแฉฟาร์มไก่ไทยใช้แรงงานทาส, โดย พรรณิการ์ วานิช, ๒๕๕๙, สืบค้นจาก http://news.voicetv.co.th/thailand/395652.html
๔๙๔ รายงานผลการตรวจสอบที่ ๑๑๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 229 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙

