Page 213 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 213
การสร้างแบบพิมพ์ความเป็นหญิงและความเป็นชายแบบตายตัว และ (๓) การก�าหนดให้บุคคลที่รักเพศเดียวกัน หรือการ
แสดงออก (กิริยาท่าทาง การแต่งกาย) ที่ไม่ตรงกับเพศก�าเนิด (อาทิ คนข้ามเพศ) เป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ และจัดให้
เป็นกลุ่มเดียวกับพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศอื่น ๆ เช่น ชอบแสดงอวัยวะเพศในพื้นที่สาธารณะ (Exhibitionist) หรือชอบใช้
ความรุนแรงทางเพศ (Masochism and Sadism) เป็นต้น จึงเสนอให้ส�านักงานวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) และ
ส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาปรับปรุงแบบเรียนดังกล่าวให้สอดคล้อง
กับความคุณค่า และความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น
๖.๕.๔ การประเมินสถานการณ์
กสม. เห็นว่า การด�าเนินการที่ผ่านมา รัฐบาลได้พยายามส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่มีความหลากหลาย
ทางเพศ หรือบุคคลที่มีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดยก�าเนิด โดยการบรรจุนิยามความหมายไว้ในพระราชบัญญัติความ
๔๑๓
เท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อคุ้มครองบุคคลดังกล่าวจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างทางเพศ
เพศภาวะ หรือเพศวิถี อย่างไรก็ตาม บุคคลเหล่านี้ยังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับอคติของสังคมที่ประกอบสร้าง ลดทอนคุณค่าความ
เป็นมนุษย์ ตีตราและตอกย�้าบทบาทที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม ผ่านการกล่อมเกลาในครอบครัว การเรียน
๔๑๔
การสอน และสื่อ ด้วยระบบคิดและความเชื่อต่าง ๆ เป็นผลให้ถูกเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบทั้งโดยรัฐและเอกชน ท�าให้
ไม่ได้รับสวัสดิการที่เหมาะสมจากรัฐ ไม่มีกฎหมายรับรองสถานะทางเพศ บุคคลข้ามเพศที่ต้องขังไม่ได้รับการปฏิบัติที่เหมาะสม
๔๑๕
และเสี่ยงต่อการถูกละเมิดทางเพศ ถูกท�าร้ายร่างกายและสังหารในเรือนจ�า ไม่สามารถรับยาเพื่อรักษาระดับฮอร์โมนในร่างกาย
เนื่องจากมีระเบียบห้ามน�ายาเข้าเรือนจ�า ๔๑๖
แม้ว่ารัฐบาลจะมีความพยายามพิจารณา
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสมรสของคนรักเพศเดียวกัน
แต่ร่างกฎหมายยังขาดความเข้าใจในปัญหาและอุปสรรค
ของบุคคลกลุ่มนี้ที่แตกต่างจากคนรักต่างเพศ ขาดข้อมูล
ที่รอบด้าน ขาดการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงจากผู้มีส่วนได้
ส่วนเสียที่หลากหลาย ซึ่งอาจเป็นผลให้บุคคลกลุ่มนี้ยังถูก
เลือกปฏิบัติ เช่น ไม่สามารถรับบุตรบุญธรรมเฉกเช่นคู่รัก
ต่างเพศได้ ซึ่งเป็นการขัดกับหลักการและเจตนารมณ์
ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เป็นต้น
จากสถานการณ์ข้างต้น รัฐควรพิจารณาทบทวนรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ
รวมทั้งนโยบาย และแนวปฏิบัติมิให้มีการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ เพศภาวะ และเพศวิถี เพื่อให้บุคคลดังกล่าวได้รับ
การคุ้มครองสามารถเข้าถึงสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน รวมทั้งสวัสดิการอย่างเป็นธรรม อาทิ
- การเร่งด�าเนินการให้คณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ.
๒๕๕๘ สามารถปฏิบัติตามอ�านาจหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ
ซึ่งเป็นกลไกหลักในการบูรณาการมิติความเท่าเทียมระหว่างเพศไปสู่กระทรวงและกลไกที่เกี่ยวข้องของรัฐ และต้องจัดสรร
งบประมาณที่เพียงพอให้กองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ
๔๑๓ มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ บัญญัติว่า “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” หมายความว่า การกระท�าหรือไม่กระท�าการใด อันเป็นการ
แบ่งแยก กีดกัน หรือจ�ากัดสิทธิประโยชน์ใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยปราศจากความชอบธรรม เพราะเหตุที่บุคคลนั้นเป็นเพศชายหรือเพศหญิง หรือมีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดยก�าเนิด
๔๑๔ เช่น หลักสูตรแกนกลางของส�านักงานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่ยังระบุว่าบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นความผิดปกติทางจิต บัญชีจ�าแนกโรคสากลของ
องค์กรอนามัยโลกที่ยังระบุว่าคนข้ามเพศเป็นภาวะผิดปกติและต้องการการบ�าบัดรักษา สภากาชาดระบุว่าบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นกลุ่มเสี่ยงของเอชไอวี เป็นต้น
๔๑๕ โครงการวิจัยฉบับสมบูรณ์เรื่อง“การศึกษาเปรียบเทียบกฎหมายต่างประเทศเพื่อจัดท�าร่างกฎหมายว่าด้วยการรับรองเพศ”จัดโดย กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันพุธที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๙ ณ ห้องจิ๊ดเศรษฐบุตร (ชั้น ๑) คณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ที่กล่าวถึงกฎหมายรับรองสถานะทางเพศ จะต้องมีการผ่าตัดแปลงเพศก่อน เว้นแต่บุคคลนั้นมีข้อจ�ากัดทางศาสนา เศรษฐกิจ และสุขภาพ
๔๑๖ จาก รายงานสรุปสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เวที กสม. พบประชาชน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่
๒๗ - ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙, เอกชัย ปิ่นแก้ว.
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 212 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙