Page 203 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 203

ทั้งนี้ กสม. ได้รับค�าร้องเรียนเกี่ยวกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ – ๒๕๕๙ จ�านวนทั้งสิ้น ๑๑
        ค�าร้อง โดยประเด็นของค�าร้องส่วนใหญ่เป็นกรณีที่กล่าวอ้างว่านักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนได้หายตัวไป

        ถูกลอบสังหาร ถูกข่มขู่คุกคามจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและจัดท�ารายงานผลการตรวจสอบ
        การละเมิดสิทธิมนุษยชน


                 นอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
        ในกรณีการสูญหายแล้ว ยังมีกรณีที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชน

        ถูกฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและการน�า
        ข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งในต่างประเทศจะมีกฎหมาย
        ป้องกันการด�าเนินคดีเชิงยุทธศาสตร์เพื่อระงับการมีส่วนร่วม

        ของสาธารณชน (Anti – Strategic Litigation Against
        Public Participation (Anti –Slapp Law) โดยหลักการ
        ของกฎหมายดังกล่าว คือ รัฐหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ไม่ควร
        ใช้การฟ้องร้องด�าเนินคดีเพื่อให้ยุติการท�าหน้าที่ปกป้อง
                   ๓๘๒
        สิทธิมนุษยชน  ซึ่งสอดคล้องกับหลักการคุ้มครองการแสดงความคิดเห็นที่ได้รับการรับรองในข้อ ๑๙ ของปฏิญญาสากลว่าด้วย
        สิทธิมนุษยชน และข้อ ๑๙ ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง


                 สถานการณ์ของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ส่งผลให้คณะกรรมการประจ�ากติการะหว่างประเทศว่าด้วย

        สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และคณะกรรมการประจ�าอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการประติบัติหรือการลงโทษอื่น
        ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย�่ายีศักดิ์ศรี มีความวิตกและได้มีความเห็นต่อสถานการณ์ดังกล่าว โดยในการประชุมครั้งที่
        ๒๓๐๗ เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘ คณะกรรมการประจ�ากติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองฯ มีความ
        กังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เช่น การข่มขู่ด้วยวาจา การท�าร้ายร่างกาย การลักพาตัว
        และการฆาตกรรม และมีข้อเสนอแนะให้ต้องมีมาตรการเร่งด่วน ในการปกป้องและยุติการคุกคามและการท�าร้ายอย่างเป็นระบบ

                                                                 ๓๘๓
        และมีหลักประกันการเยียวยาต่อเหยื่อและครอบครัวอย่างเหมาะสม  ส่วนคณะกรรมการประจ�าอนุสัญญาต่อต้านการ
        ทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย�่ายีศักดิ์ศรี มีความเห็นในการประชุมครั้งที่ ๑๒๓๙
        เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ว่าคณะกรรมการฯ มีความวิตกอย่างยิ่งในหลายประการ กล่าวคือ (๑) กรณีที่ประเทศไทย

        ยังไม่มีนิยามและฐานความผิดการบังคับสูญหายในกฎหมาย (๒) กรณีที่ถูกกล่าวหาว่ามีการบังคับให้หายตัวอย่างต่อเนื่องเป็น
        จ�านวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีนักปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านต่อต้านการทุจริตและด้านสิ่งแวดล้อมและผู้ที่เป็นพยาน
        การละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น กรณีนายพอละจี รักจงเจริญ เป็นต้น (๓) ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาการบังคับให้สูญหาย
        การเยียวยาให้ญาติของบุคคลที่สูญหายและการด�าเนินคดีกับผู้ที่รับผิดชอบ ดังที่ปรากฏในหลายกรณีรวมทั้งการหายตัวไป
        ของนายสมชาย นีละไพจิตร นายจะวะจาโล และนายมะยาเต็ง มะรานอ ซึ่งประเทศไทยควรใช้มาตรการที่จ�าเป็นเพื่อป้องกัน

        การบังคับให้สูญหายและต่อสู้กับการที่ไม่ได้ตัวผู้กระท�าความผิดมาลงโทษ เนื่องจากความผิดฐานบังคับให้สูญหายโดยเฉพาะ
        อย่างยิ่ง (๑) ใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่าการบังคับให้สูญหายเป็นความผิดทางอาญาที่ระบุในกฎหมายภายใน
        ของประเทศร่วมกับการลงโทษในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับความร้ายแรงของการกระท�าความผิด (๒) ท�าให้มั่นใจว่ากรณีการ

        บังคับให้สูญหายได้รับการสอบสวนอย่างละเอียดทันทีและมีประสิทธิภาพ ผู้ต้องสงสัยจะถูกด�าเนินคดี และในกรณีที่พบว่า
        มีความผิดควรลงโทษตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับความร้ายแรงของอาชญากรรมของผู้กระท�าผิดแม้ไม่พบตัวหรือไม่พบชิ้นส่วน
        ศพมนุษย์ หากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายเจ้าหน้าที่จะต้องด�าเนินการตรวจสอบแม้ยังไม่มีการร้องเรียน


                 ๓๘๒  จาก กลุ่มต่อต้านมุสลิมหัวรุนแรง-๓-จังหวัดชายแดนใต้-๑. สืบค้นจาก https://th-th.facebook.com/
                 ๓๘๓  จากสรุปข้อสังเกตของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนในการพิจารณารายงานของประเทศไทย ตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
        น.๑๒, โดย สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.), ๒๕๔๘


                                 รายงานผลการประเมินสถานการณ์  202  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207   208