Page 198 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 198

๑.๘) สถานการณ์ของเด็กเคลื่อนย้าย และเด็กที่เป็นบุตรของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐาน
                         ปี ๒๕๕๙ พบว่า เด็กเคลื่อนย้ายและเด็กที่เป็นบุตรของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานยังคงประสบกับข้อจ�ากัดต่าง ๆ

            อาทิ การขาดเอกสารพิสูจน์ตัวตน (ใบเกิด) การก�าหนดสถานะทางบุคคล การเข้าถึงศึกษา และการเข้าถึงบริการด้าน
            สาธารณสุข ในด้านการเข้าถึงการศึกษานั้น แม้ว่ามติคณะรัฐมนตรี ปี พ.ศ. ๒๕๔๘ อนุมัติให้เด็กไร้สถานะสามารถเข้าเรียนใน
            สถานศึกษาได้ แต่ในทางปฏิบัติโรงเรียนบางแห่งยังต้องการเอกสารเพื่อแสดงสถานะบุคคลประกอบการพิจารณาในการรับเด็ก
            เข้าเรียน ทั้งนี้ ยังพบว่าเมื่อเด็กกลุ่มนี้ได้เข้าสู่ระบบการศึกษาแล้ว บางส่วนมีปัญหาในเรื่องของการปรับตัว ปัญหาด้านการสื่อสาร และ
            ปัญหาด้านค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบ  ส่งผลให้เด็กไม่ต้องการเรียนต่อและออกจากโรงเรียนกลางคัน
                                                            ๓๗๔


                         นอกจากเด็กเคลื่อนย้ายที่เป็นบุตรของแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานแล้ว ประเทศไทยยังมีเด็กเคลื่อนย้ายในกลุ่มเด็ก
            เร่ร่อนที่หนีออกจากบ้านและหลุดออกจากครอบครัว ซึ่งสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ ปัญหาครอบครัว การถูกกระท�า

            รุนแรง และปัญหาที่เกิดจากตัวของเด็กเอง เช่น ต้องการความอิสระ ไม่อยากอยู่ภายใต้การควบคุมของพ่อแม่ พฤติกรรม
            ติดเพื่อน และติดเกมส์ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลทางสถิติขององค์การเอกชนพบว่า ประเทศไทยมีเด็กเร่ร่อนสูงถึง ๓๐,๐๐๐ คน   สถานการณ์สิทธิมนุษยชนของกลุ่มเฉพาะ
            โดยแหล่งที่มีเด็กเร่ร่อนอาศัยอยู่มากที่สุดในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ คือ สะพานพระพุทธยอดฟ้า สถานีรถไฟหัวล�าโพง สวนลุมพินี
                                                                                           ๓๗๕
            และสนามหลวง ส่วนต่างจังหวัด อันดับหนึ่งคือ เมืองพัทยา รองลงมาคือ จังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต  ซึ่งเด็กในกลุ่มนี้เสี่ยงต่อ
            การเผชิญกับปัญหาความรุนแรง การถูกเลือกปฏิบัติ การถูกล่วงละเมิดและแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ การถูกท�าร้ายร่างกาย

            ตลอดจนการถูกชักจูงให้เข้าสู่ขบวนการยาเสพติด และถูกล่อลวงเพื่อเข้าสู่วงจรการค้ามนุษย์


            ๖.๑.๔ การประเมินสถานการณ์

                     ในปี ๒๕๕๙ รัฐได้ด�าเนินมาตรการหลายประการที่ก้าวหน้า ในการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับข้อกังวลของ   บทที่
                                                                                                                    ๖
            คณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ได้แก่ การให้ความส�าคัญต่อภาวะโภชนาการ และการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด การมี
            ร่างกฎหมายก�ากับการโฆษณาผลิตภัณฑ์ทดแทนนมแม่ การมีมาตรการแก้ไขปัญหาการออกจากโรงเรียนกลางคัน การปกป้อง
            คุ้มครองเด็กจากการกระท�ารุนแรง และการคุ้มครองเด็กจากการใช้แรงงานทุกรูปแบบ อย่างไรก็ดี ยังพบข้อมูลที่น่าห่วงกังวล
            บางประการ ซึ่งรัฐจ�าเป็นต้องมีมาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้การด�าเนินการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็กในประเทศไทย

            มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ดังนี้


            ๑) ด้านการอยู่รอดและได้รับการพัฒนา

                     จากสถานการณ์ด้านการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะเวลา ๖ เดือนแรก พบว่า ประเทศไทยยังมีอัตราการเลี้ยงลูก
            ด้วยนมแม่ในระยะเวลา ๖ เดือนแรกในอัตราที่ต�่า ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น แม่ขาดความรู้ ความเข้าใจ และทักษะ
            ที่ถูกต้องในเรื่องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แม่ท�างานนอกบ้าน สิ่งแวดล้อมในที่ท�างานไม่เอื้อให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้
                                                                                   ๓๗๖
            การตลาดของนมผงดัดแปลงส�าหรับทารกที่ท�าให้แม่เข้าใจว่านมผงมีคุณค่าเท่ากับนมแม่  เป็นต้น ซึ่งแม้ว่ารัฐจะได้อนุมัติร่าง
            พระราชบัญญัติควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารส�าหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. .... เพื่อควบคุม

            และก�ากับการโฆษณาผลิตภัณฑ์ทดแทนนมแม่เพื่อแก้ไขปัญหาบางส่วน แต่รัฐยังจ�าเป็นต้องสร้างความตระหนักหรือรณรงค์
            ให้ผู้เป็นแม่เห็นความส�าคัญและเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในระยะเวลา ๖ เดือนแรกให้มากขึ้น



                     อนึ่ง ในด้านของมาตรการที่ส่งเสริมและให้ความส�าคัญต่อการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย เพื่อให้ได้รับการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพ
            และการพัฒนาที่เหมาะสม การด�าเนินโครงการอุดหนุนเด็กแรกเกิดของรัฐ ถือว่าเป็นโครงการที่สามารถช่วยเหลือค่าใช้จ่าย
            ในการเลี้ยงดูบุตรของครอบครัวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี จากข้อมูลขององค์กรยูนิเซฟ ประเทศไทย พบว่า
            ในบางครอบครัวจ�านวนเงินอุดหนุนที่รัฐสนับสนุนนั้น ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร เนื่องจากบางครอบครัว

                     ๓๗๔  จาก เด็กข้ามชาติในชุมชนประมงที่ขนอมกับ ‘ทางเลือก’ ด้านการศึกษา, โดย ประชาไท, สืบค้นจากhttps://prachatai.com/journal/2016/02/64271
                     ๓๗๕  จาก เด็กเคลื่อนย้าย มุมมองใหม่ในการท�างานคุ้มครองเด็ก (หน้า ๔๗), ภาคีสมาชิกเด็กเคลื่อนย้าย.
                     ๓๗๖  จาก เจาะลึกระบบสุขภาพ อัตราเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในไทยยังต�่า สธ.หนุน ‘Working Mom’ เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวครบ ๖ เดือน, สืบค้นจาก https://www.hfocus.org/
            content/2015/09/10785

                                     รายงานผลการประเมินสถานการณ์  197  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   193   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203