Page 146 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 146

๕.๒.๒ สถานการณ์ทั่วไป
                     ที่ผ่านมาการด�าเนินกิจการของภาคธุรกิจส่งผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนหลายด้าน ซึ่งส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับ

                                                       ๒๖๐
            แรงงาน แรงงานข้ามชาติ ชุมชน และกลุ่มเปราะบาง  อาทิ

                     กรณีผลกระทบกับแรงงาน เช่น กรณีที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกค�าประกาศแจ้งเตือน หรือให้ “ใบเหลือง” กับประเทศไทย
            และอาจห้ามน�าเข้าอาหารทะเลของไทย หากไทยล้มเหลวในการบังคับใช้มาตรการอย่างเพียงพอในการจัดการกับปัญหาแรงงาน
            การบังคับใช้แรงงานและปัญหาการท�าประมงผิดกฎหมาย ไม่รายงานและไร้การควบคุม หรือไร้กฎระเบียบ (Illegal, Unreported

            and Unregulated Fishing: IUU) หรือกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับสถานการณ์การค้ามนุษย์
                                                                                                      ๒๖๑
            (Trafficking In Persons (TIP) Report) ประจ�าปี ๒๕๕๘ โดยประเทศไทยถูกลดระดับลงให้อยู่ในระดับต�่าสุด คือ Tier 3  จากปัญหา
            การค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมง การผลิตเสื้อผ้า และงานบ้าน  ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมง อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง
                                                             ๒๖๒
            และอุตสาหกรรมกุ้ง เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลักของสินค้ากุ้งและทูน่าจากไทย เป็นต้น


                     กรณีผลกระทบกับชุมชน เช่น กรณีการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองค�าของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รับ
            ประทานบัตรการท�าเหมืองแร่ทองค�าส�าหรับส�ารวจและท�าเหมืองแร่ทองค�า จังหวัดเลย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของ
            ประชาชนในพื้นที่ และมีการแพร่กระจายของสารพิษส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น



                     นอกจากนี้ ปัญหาของการด�าเนินธุรกิจที่ไม่เคารพสิทธิมนุษยชนยังรวมไปถึงการด�าเนินธุรกิจในลักษณะ    สถานการณ์สิทธิมนุษยชนกรณีเฉพาะ
            “ข้ามพรมแดน” ด้วย เช่น กรณีบริษัทเอกชนไทยแห่งหนึ่งได้รับสัมปทานที่ดิน เพื่อการปลูกอ้อยและจัดตั้งโรงงานน�้าตาลในประเทศ

                                                                                                              ๒๖๓
            กัมพูชาก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนชาวกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ กสม. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีความเห็นว่า
            กรณีมีการกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและแม้บริษัทดังกล่าวไม่ได้เป็นผู้ลงมือกระท�าการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นถือเป็น
            ความรับผิดชอบโดยตรงของบริษัทฯ ในบางส่วน โดยมีข้อเสนอแนะนโยบายให้บริษัทฯ พิจารณาเยียวยาการสูญเสีย
            ที่เกิดขึ้นและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดตั้งกลไกหรือก�าหนดภารกิจการก�ากับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของ
            ผู้ลงทุนสัญชาติไทยให้เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน โดยน�าหลักการชี้แนะ UNGP มาเป็นกรอบในการด�าเนินการ    บทที่
                                                                                                                    ๕
            หรือกรณีที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงกับการท่าเรือของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (เมียนมา) ด�าเนินโครงการ
            ท่าเรือน�้าลึกในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในประเทศเมียนมา ซึ่งเรื่องนี้ กสม. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีความเห็นว่า
            การด�าเนินการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนเมียนมา โดยมีข้อเสนอแนะ

            นโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดตั้งกลไกหรือก�าหนดภารกิจการก�ากับดูแลการลงทุนในต่างประเทศของผู้ลงทุน
            สัญชาติไทยให้เคารพต่อหลักการพื้นฐานด้านสิทธิมนุษยชน โดยน�าหลักการชี้แนะ UNGP มาเป็นกรอบในการด�าเนินการ ๒๖๔


                     อนึ่ง เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ รัฐบาลไทยได้แถลงที่จะรับข้อเสนอแนะจากการประชุมทบทวนสถานการณ์
            สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยในกระบวนการ Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๙ - ๒๕๖๓)

            จากประเทศต่าง ๆ จ�านวน ๒๔๙ ข้อ รัฐได้พิจารณาตอบรับทันที ๑๘๗ ข้อ โดยข้อ ๔๘ ประเทศสวีเดนเสนอให้ไทยพัฒนา
            รับรอง และบังคับใช้แผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (National Action Planon Business and
            Human Rights: NAP) เพื่อปฏิบัติตามหลักการชี้แนะเรื่องสิทธิมนุษยชนส�าหรับธุรกิจของสหประชาชาติ (UNGP)  และ
                                                                                                          ๒๖๕
            ให้ค�ามั่นโดยสมัครใจที่จะส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในภาคธุรกิจ
                     ๒๖๐  จาก รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒, โดย มูลนิธิสถาบันวิจัย
            เพื่อการพัฒนาประเทศไทย, ๒๕๖๐, กรุงเทพฯ: ส�านักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                     ๒๖๑  จาก ‘เทียร์ ๓’ อาวุธมะกันทุบไทย ประมงส่งออก เป้าหลัก เสี่ยงหายนะ ๔ แสนล้าน, ,โดย ไทยรัฐออนไลน์, ๒๕๕๘, สืบค้นจาก http://www.thairath.co.th/content/515228
                     ๒๖๒  จาก ไม่รอด TIER 3 “ไทย” ค้ามนุษย์ระดับโลก ทหารเปิดไพ่กวาดล้าง นายหน้า, ๒๕๕๗, สืบค้นจาก https://www.hfocus.org/content/2014/06/7462
                     ๒๖๓  รายงานการตรวจสอบ ที่ ๑๑๕/๒๕๕๘
                     ๒๖๔  คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาหลัก UNGP ในโครงการท่าเรือ
            น�้าลึกและเขตเศรษฐกิจทวายประเทศเมียนมา ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                     ๒๖๕  Report of the Working Group on the Universal Periodic Review, A/HRC/33/16, (15 July 2016) ข้อ ๑๕๘.๔๙


                                     รายงานผลการประเมินสถานการณ์  145  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   141   142   143   144   145   146   147   148   149   150   151