Page 119 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 119

๑๙๓
        อุบัติเหตุและฉุกเฉินโดยไม่ต้องถูกซักถามอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลสถิติของปี ๒๕๕๙ พบว่า ร้อยละ ๙๙.๙๑ ของ
        ประชากรทั้งประเทศได้ลงทะเบียนในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยมีผู้มีสิทธิตามระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

        ระบบประกันสังคม ระบบสวัสดิการข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ สวัสดิการพนักงานส่วนท้องถิ่น ครูเอกชน คิดเป็นร้อยละ ๗๓.๔๑,
        ๑๗.๔๘, ๗.๓๗, ๐.๙๔ และ ๐.๑๒ ตามล�าดับ แต่ยังพบว่า มีประชากรร้อยละ ๐.๙๑ ของประชากรที่ได้ลงทะเบียนในระบบ
                                ๑๙๔
        หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  เป็นผู้มีปัญหาด้านสถานะและสิทธิ และมีประชากรร้อยละ ๐.๐๙ ของประชากรทั้งประเทศ
        ที่ยังเข้าไม่ถึงสิทธิในการรับบริการสาธารณสุขของรัฐ เนื่องจากยังไม่ได้ลงทะเบียนสิทธิไว้ และประชากรส่วนใหญ่กว่า ๔๘ ล้านคน
        สามารถเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (Universal Coverage Scheme: UCS) คิดเป็นร้อยละ

        ๙๙.๘๘ ของความครอบคลุมของประชากรที่มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยรัฐได้จัดสรรเงินงบประมาณ
        สนับสนุนการจัดการบริการด้านสาธารณสุขร้อยละ ๖ ของงบประมาณทั้งหมดของประเทศ หรือเป็นเงินจ�านวน ๑๖๓,๑๕๒
                                                                          ๑๙๕
        ล้านบาท โดยคิดอัตราเหมาจ่ายเฉลี่ย ๓,๐๒๘.๙๔ บาทต่อหัวประชากรผู้มีสิทธิ  ซึ่งเพิ่มขึ้นจากอัตราเหมาจ่ายเฉลี่ยในปี
        ๒๕๕๘ ที่ ๒,๘๙๕ บาทต่อหัวประชากรผู้มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถเข้าถึงสิทธิในรับการบริการ
        สาธารณสุขในหน่วยบริการประจ�าที่ได้ลงทะเบียนแจ้งสิทธิไว้เท่านั้น เว้นแต่จะเข้ารับบริการในสถานพยาบาลอื่นได้ในกรณี
        เจ็บป่วยฉุกเฉิน หรืออุบัติเหตุ ทั้งนี้ ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ในปี ๒๕๕๙ รายงานว่า ร้อยละ ๘๘.๒๑ ของผู้มีสิทธิ
        ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเข้ารับบริการสาธารณสุขในหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ในขณะที่ ร้อยละ
        ๔.๔๔ และ ๖.๘๗ ของผู้มีสิทธิเข้ารับบริการจากหน่วยบริการนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และจากหน่วยงานของเอกชน

        ตามล�าดับ และร้อยละ ๐.๔๙ ของผู้มีสิทธิเข้ารับบริการจากหน่วยงานสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยส่วนใหญ่
        หน่วยบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิ หน่วยบริการประจ�า และหน่วยบริการรับส่งตัวเป็นหน่วยบริการในสังกัดของกระทรวง
        สาธารณสุข เพียงร้อยละ ๐.๘๒ และ ๒.๒๕ ของหน่วยบริการปฐมภูมิ เป็นหน่วยบริการนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและ

        เป็นของเอกชนตามล�าดับ และร้อยละ ๕.๖๘ ของหน่วยบริการประจ�า เป็นหน่วยบริการนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และ
        ร้อยละ ๑๘.๕๑ ของหน่วยบริการประจ�าเป็นหน่วยบริการเอกชน ร้อยละ ๘.๑๔ ของหน่วยบริการรับส่งตัวเป็นหน่วยบริการ
        นอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และร้อยละ ๖.๒๐ ของหน่วยบริการรับส่งตัวเป็นหน่วยบริการเอกชน นอกจากนี้ องค์กร
        ปกครองส่วนท้องถิ่นจ�านวน ๗,๗๗๖ แห่งทั่วประเทศ ได้มีการให้บริการสาธารณสุขผ่านกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
        ในระดับท้องถิ่นหรือระดับพื้นที่ ในระดับหน่วยบริการปฐมภูมิ หน่วยบริการประจ�า และหน่วยบริการรับส่งต่อ คิดเป็นร้อยละ

        ๒.๕๔, ๖.๙๑ และ ๑.๒๐ ตามล�าดับ ๑๙๖


                 การเข้าถึงสิทธิในการรับบริการสาธารณสุขตามระบบประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้จัดท�าร่างพระราชบัญญัติ

        การกลับเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. .... เสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อคืนสิทธิผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพตามมาตรา ๔๑ (๔) และ(๕) ของ
        พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗ โดยให้ผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพตาม
        มาตรา ๔๑ (๔) และ (๕) ของพระราชบัญญัติดังกล่าว สามารถขอกลับเป็นผู้ประกันตนได้ภายใน ๑ ปี นับแต่วันที่ร่าง
        พระราชบัญญัติการกลับเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
        แล้ว โดยกระทรวงแรงงาน พบว่า มีผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ซึ่งได้สิ้นสภาพตามมาตรา ๔๑ (๔) และ (๕) ของพระราชบัญญัติ

        ฉบับดังกล่าว จ�านวนประมาณ ๙๓๐,๐๐๐ คน
                                              ๑๙๗

                 ด้านระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องรับภาระเพิ่มมากขึ้นจนเกินวงเงิน

        งบประมาณของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่ได้รับการจัดสรรปีละ ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้กับข้าราชการและครอบครัว
        จ�านวนกว่า ๖ ล้านคน เนื่องจากค่ายาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีราคาแพงขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง

                 ๑๙๓  จาก แผนสิทธิมนุษยชนด้านสาธารณสุข แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๑) (น. ๑๘), โดย กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม,
        กรุงเทพฯ: กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ.
                 ๑๙๔  จาก ผลการด�าเนินงาน การสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ – ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙), โดย ส�านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ,
        สืบค้น จาก http://www.nhso.go.th/FrontEnd/page-about_result.aspx
                 ๑๙๕  ผลการด�าเนินงาน การสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ ๒๕๕๘
                 ๑๙๖  จาก ผลการด�าเนินงาน การสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ ๒๕๕๙..., งานเดิม.
                 ๑๙๗  จาก ผู้ประกันตน ม.๓๙ สิ้นสภาพ, ๒๕๕๙, สืบค้นจาก http://www.sso.go.th/wpr/content.jsp?lang=th&cat=762&id=4673

                                 รายงานผลการประเมินสถานการณ์  118  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124