Page 72 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 72

กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ








                 ดังนั้น เป็นกรณีที่หน่วยงำนซึ่งมีอ�ำนำจหน้ำที่โดยตรงได้ด�ำเนินกำรตำมอ�ำนำจหน้ำที่แล้ว จึงเห็นควรให้ยุติเรื่อง
                     คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาค�าร้องและความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ แล้วมีมติให้ยุติ
                 เรื่อง เนื่องจำกหน่วยงำนที่มีอ�ำนำจหน้ำที่โดยตรงได้ด�ำเนินกำรตรวจสอบและให้ควำมเป็นธรรมกับทุกฝ่ำยตำม

                 ข้อร้องเรียนทุกประเด็นแล้ว ทั้งนี้ ผู้ร้องสำมำรถใช้สิทธิด�ำเนินกำรตำมขั้นตอนที่กฎหมำยก�ำหนดได้








                                                             ๓๒


                     ค�าร้องที่ ๒๖๑/๒๕๕๕: กรณีอ้างว่าถูกละเมิดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม


                     ผู้ร้องถูกจับกุมและถูกฟ้องร้องว่ามีความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ และพระราชบัญญัติอาวุธ

                 ปืน อันประกอบด้วย ความผิดฐานเสพยาเสพติดประเภท ๑ ความผิดฐานมียาเสพติดประเภท ๑ ไว้ในครอบครอง
                 เพื่อจ�าหน่าย และความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ในวันที่ถูกจับกุม นางสาวเอ
                 (นามสมมุติ) พร้อมเพื่อนได้นัดหมายมาพบผู้ร้องที่บ้านพัก ผู้ร้องได้น�ายาไอซ์มาร่วมเสพกันทุกคน จากนั้นเวลา

                 ประมาณ ๐๓.๐๐ น. นางสาวเอขอตัวกลับและขอซื้อยาไอซ์ แต่ผู้ร้องปฏิเสธไม่ขายให้และออกมาส่งนางสาวเอ ขณะนั้น
                 เจ้าหน้าที่ต�ารวจได้เข้าท�าการจับกุมและตรวจค้นบ้านพัก และตรวจยึดทรัพย์สินผู้ร้องหลายรายการ ต่อมา

                 มีเจ้าหน้าที่ต�ารวจน�าบันทึกการตรวจยึดทรัพย์สิน โดยสาระส�าคัญตอนท้าย มีข้อความว่า “จากการสอบถามผู้ร้อง
                 ให้การรับสารภาพว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการจ�าหน่ายยาเสพติด (ยาไอซ์และยาอี) จริง” ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อ
                 เจ้าหน้าที่ต�ารวจจึงเขียนด้วยลายมือว่า ผู้ต้องหาไม่ยอมลงลายมือชื่อ

                     หลังจากผู้ร้องถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจ�ากลางอุดรธานี ประมาณ ๑ เดือน ศาลให้ประกันตัวออกมา ผู้ร้องได้
                 มาตรวจสอบทรัพย์สินที่โรงงานปรากฏว่าทรัพย์สินหายไปหลายรายการ และมีทรัพย์สินที่ไม่มีการลงบันทึกการ

                 ตรวจยึดสูญหายไปด้วย ผู้ร้องไปแจ้งความต่อสถานีต�ารวจภูธรหนองหานเพื่อเป็นหลักฐาน ต่อมา ผู้ร้องมอบหมาย
                 ให้ทนายความรวบรวมพยานหลักฐานต่อสู้คดี จึงได้พบว่าบันทึกการตรวจยึดทรัพย์สินที่ผู้ร้องไม่ยอมลงลายมือชื่อ
                 มีผู้ปลอมลายมือชื่อของผู้ร้อง โดยขีดฆ่า ค�าว่า “ผู้ต้องหาไม่ยอมลงลายมือชื่อออก” มีต�ารวจยศดาบต�ารวจเซ็น

                 ชื่อก�ากับไว้ ผู้ร้องจึงไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีต�ารวจภูธรหนองหาน ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนลง
                 เป็นเพียงบันทึกประจ�าวันระบุว่า “ผู้แจ้งจะไปสืบหาและตรวจสอบว่าเจ้าหน้าที่ต�ารวจคนใดเป็นคนปลอมแปลง
                 ลายมือชื่อ เมื่อสืบหาได้แล้วจะมาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง” ทั้งที่ผู้ร้องต้องการด�าเนินคดีกับ

                 ผู้ที่ปลอมลายมือชื่อผู้ร้องในบันทึกฯ
                     คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติพิจารณาค�าร้องเรียนแล้วเห็นว่าเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของ
                 บุคคลที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเหมาะสมในการด�าเนินการตามกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งสิทธิที่จะให้คดีของ

                 ตนได้รับพิจารณาอย่างถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรม อันเป็นสิทธิที่ได้รับการรับรองหรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ
                 แห่งราชอาณาจักรไทย จึงเป็นค�าร้องที่อยู่ในอ�านาจหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตาม








                                                               71
   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76   77