Page 65 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 65

ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ





                                                       ๒๗

               ค�าร้องที่ ๔๕๗/๒๕๕๗: กรณีประเด็นการคุ้มครองพยาน



                ผู้ร้องร้องเรียนให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อประสานขอความคุ้มครองพยาน เนื่องจากผู้ร้อง
            เป็นสามีของนางสาว จ. (นามสมมุติ) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๓ ได้มีชายฉกรรจ์ภายในหมู่บ้านเข้ามาร่วมกัน
            ข่มขืนภริยาผู้ร้อง หลังเกิดเหตุผู้ร้องและภริยาได้เข้าแจ้งความด�าเนินคดีกับกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่สถานีต�ารวจภูธร

            คอนสาร จังหวัดชัยภูมิ แล้วยื่นฟ้องคดีต่อศาล ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจ�าเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ปัจจุบัน
            คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา หลังจากนั้นกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ยื่นฟ้องผู้ร้องและภริยาต่อศาลจังหวัดภูเขียว
            ในข้อหาเบิกความเท็จ ตามคดีหมายเลขด�าที่ อ. ๑๒๔๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ผู้ร้องเกรงว่าจะไม่

            ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและร่างกาย เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีอิทธิพล
                คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติแจ้งให้อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อ

            พิจารณาด�าเนินการตามอ�านาจหน้าที่ ตามนัยมาตรา ๑๘ (๔) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
            แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒
                กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ แจ้งผลการพิจารณาค�าร้องขอคุ้มครองความปลอดภัย ว่าผู้ร้องถูกด�าเนินคดีใน

            ข้อหาเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล จากคดีที่เคยเป็นพยานและผู้เสียหายในกรณีนางสาว จ. (นามสมมุติ)
            ภริยาผู้ร้องถูกข่มขืนโดนชายฉกรรจ์ภายในหมู่บ้าน จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งศาลจังหวัดชัยภูมิพิพากษาจ�าคุกนางสาว จ.

            (นามสมมุติ) ภริยาผู้ร้อง ๒ ปี ๖ เดือน ส่วนผู้ร้องยังคงหลบหนีหมายจับของศาลจังหวัดชัยภูมิ จากข้อหาเดียวกัน
            กับภริยาผู้ร้อง สถานะผู้ร้องจึงไม่ใช่พยานในคดีอาญา ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา
            พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงมีค�าสั่งไม่อนุมัติให้ใช้มาตรการทั่วไปในการคุ้มครองพยานรายนี้ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้มี

            หนังสือแจ้งผู้ร้องให้ใช้สิทธิอุทธรณ์ได้ตามมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๖
                คณะอนุกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนและกลั่นกรองรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน
            พิจารณาแล้วเห็นว่า ตามที่ผู้ร้องประสงค์ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

            เพื่อคุ้มครองผู้ร้องในฐานะพยานนั้น กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้พิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาว่ากรณีของ
            ผู้ร้องไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับความคุ้มครองพยานในคดีอาญา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา
            พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงมีค�าสั่งไม่อนุมัติให้ใช้มาตรการคุ้มครองพยานรายนี้ ทั้งนี้ ได้มีหนังสือแจ้งสิทธิให้ผู้ร้องอุทธรณ์

            ค�าสั่งได้ตามมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๖ จึงเห็นควรยุติเรื่อง
                คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พิจารณาค�าร้องประกอบความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ แล้ว มีมติ

            ให้ยุติเรื่อง





















                                                         64
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70