Page 61 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 61

รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
               แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562


                      ผู้ให้ข้อมูลคนที่ 7

                      1.   แผนกลยุทธ์ควรจะต้องเฉพาะเจาะจงไปเลยว่า กสม. จะด าเนินการอย่างไรในประเด็นไหนบ้าง

               ของสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ประเทศไทย มีหลายกระทรวงที่ท าประเด็นสิทธิมนุษยชนโดยไม่

               รู้ตัว แต่บอกว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องของตน แสดงว่า กสม. ยังท างานประเด็นสิทธิมนุษยชนไม่เพียงพอ
               ผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ใหญ่ที่สุดคือ รัฐและทุน การให้บริการภาคสังคม รัฐเป็นผู้ด าเนินการเองเป็นส่วนมาก

               ท าให้รัฐละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ดังนั้น สิ่งที่จะต้องท าก่อน ในแผนสิทธิมนุษยชนและการ

               ประกอบธุรกิจนั้น จะต้องมียุทธศาสตร์ เพราะเป็นเรื่องที่กว้างมาก

                      2.   แผนกลยุทธ์ควรบูรณาการร่วมกับวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพื่ออุดช่องว่าง เพราะช่องว่าง

               ระหว่างสังคมและเศรษฐกิจส าคัญมากเป็นต้นตอของทุกๆ เรื่อง รวมทั้งปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ช่องว่างทาง
               สังคมท าให้บริการสาธารณะเกิดความเหลื่อมล้ า เช่น บริการทางการแพทย์ ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางสังคม

               (social security) ถูกทอดทิ้ง


                      3.   การแย่งชิงทรัพยากรของกลุ่มทุน ทั้งทุนเอกชนและทุนรัฐ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ นโยบายของรัฐติด
               กับดัก MIT (Middle Income Trap)  ท าให้มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจจนกระทบกับปัญหาด้านอื่นๆ ที่

               ตามมา เช่น กฎหมายผังเมือง กฎหมาย EIA  เป็นต้น บริการสาธารณะบางประการ (moral  goods  and

               public goods) ไม่ควรมาเป็นบริษัทมหาชน เพราะเป็นประโยชน์สาธารณะโดยรวม ท าให้คนเล็กคนน้อยไม่มี
               โอกาสได้ใช้ทรัพยากร ซึ่งจะต้องท าให้ทุกส่วนมีความเข้าใจในสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจ และจัดหา

               กระบวนการเยียวยาอย่างเป็นธรรม โดย กสม. จะต้องเสนอแนะเชิงนโยบายและกฎหมายแก่รัฐบาล

                      4.   การประกอบธุรกิจที่พิจารณาแต่การลดต้นทุน ไม่สนใจสิทธิมนุษยชน จนท าให้เกิดการปนเปื้อน

               ของสารพิษในทรัพยากร ส่งผลให้คนจนและชนกลุ่มน้อยมีชีวิตย่ าแย่ ใช้ทรัพยากรก็ไม่ได้ และไม่สามารถอยู่

               อาศัยหรือประกอบอาชีพได้   แต่ก็ยังคงต้องแบกรับกับผลกระทบทางสุขภาพเพราะไม่ได้มีทางเลือกมากนัก
               อีกทั้ง กลไกรัฐอ่อนแอมากเพราะปล่อยให้ภาคธุรกิจกระท าผิดกฎหมายได้ตลอดเวลา กสม. ควรจะต้องให้

               ความส าคัญกับการให้ความรู้ ท าวิจัยเฉพาะเรื่องในสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจ แต่ไม่ใช่การท างาน

               แบบต าน้ าพริกละลายแม่น้ า โดยจะต้องเจาะประเด็นส าคัญๆ และสร้างกรอบเจรจาเชิงนโยบาย เป็นผู้
               ประสานงานในการส่งเสริมแต่ไม่ใช่ผู้กระท า เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของรัฐ การให้ กสม. เป็นผู้ประสานงาน

               ระดับชาตินั้นจะต้องท า policy initiative สะสมความรู้และขับเคลื่อนเป็นยุทธศาสตร์ไปพร้อมๆ กัน

                      5.   ประเด็นต่อมา ธุรกิจการค้าต้องไม่เอาเปรียบและไม่ค้าก าไรเกินควร กฎหมายไทยไร้ประสิทธิภาพ

               เพราะขาดการบังคับใช้อย่างจริงจัง อีกทั้งมาตรการลงโทษทางสังคมก็ยังคงต่ า เช่น กรณี insider  trading  ที่

               ตัดสินว่าผิดแต่ก็ยังคงท างาน แต่สังคมก็ไม่ได้กดดันเท่าที่ควร

                      6.   การพัฒนาองค์กร กสม. มีปัญหาเรื่องบุคลากรซึ่งพัฒนาไม่ได้ยั่งยืน เพราะ กสม. ยังคงจัดการ

               แก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนทีละเรื่อง ไม่ได้แก้ไขไปที่รากของปัญหา ไม่เป็น strategic man แต่เป็น




                                                           2-37
   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66