Page 57 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 57

รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
               แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562


               ตนเองหรือผ่านเครือข่าย NGO ที่ขึ้นทะเบียนกับ กสม. หรือกับสถาบันการศึกษา อย่างไรก็ดี กสม. ควรจะต้อง

               หาช่องทางการเข้าถึง กสม. ให้มากขึ้นกว่านี้

                      8.   ในส่วนของการพัฒนาหน่วยงานใหม่ภายใน กสม. ในประเด็นสิทธิมนุษยชนและการประกอบ

               ธุรกิจ เห็นว่าไม่จ าเป็น เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นสิทธิประเด็นหนึ่งในสิทธิมนุษยชน ซึ่ง กสม. มีส านักที่ดูแล
               เรื่องส่งเสริม คุ้มครอง การวิจัย ระหว่างประเทศที่เป็นหน่วยงานในการด าเนินการด้านสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก

               และส านักเหล่านี้ก็มีขอบเขตอ านาจในการดูแลครอบคลุมประเด็นเรื่องนี้อยู่แล้ว ประเด็นสิทธิมนุษยชนและ

               การประกอบธุรกิจ ผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน ชาติพันธุ์ คือ ประเด็นหลักที่ กสม. จะขับเคลื่อน แต่ไม่ได้
               หมายความว่าเราจะต้องตั้งส านักงานใหม่ขึ้นมา กสม. ควรจะมุ่งเน้นที่การพัฒนาบุคลากรมากกว่า


                      9.   การศึกษาบทบาทของ กสม. ในต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยภาคธุรกิจ
               จะช่วยสนับสนุนให้ กสม. ของไทยมีอ านาจเข้าไปจัดการความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนได้ เพราะที่

               ผ่านมา กสม. จัดท าข้อเสนอแนะให้กับหน่วยงานของรัฐในการเข้าไปจัดการการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ไม่ได้

               เสนอแนะกับเอกชนผู้กระท าละเมิดได้โดยตรง

                      10.  การพัฒนาประสิทธิภาพของส านักงานคือ การมีข้อเสนอแนะไปยังรัฐในการปรับปรุงโครงสร้าง

               ใหญ่ๆ ของกฎหมายหรือนโยบายที่เป็นต้นตอของประเด็นปัญหา เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ยกเว้น EIA  และ

               EHIA อย่างรวดเร็วและทันต่อการด าเนินธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

                      ผู้ให้ข้อมูลคนที่ 4

                      1.   เรื่องที่ได้รับการร้องเรียนโดยภาคธุรกิจ คือ เรื่องเหมืองแร่ เรื่องขุดเจาะปิโตรเลียมบนบก ธุรกิจ

               ท่องเที่ยวกระทบชาวเล ธุรกิจน้ าตาลและการเวนคืนที่ดินเพื่อปลูกอ้อย เรื่องการแปรรูปอ้อยมาเป็นแก๊ซโซฮอล์

               แปรรูปยางพารา โรงไฟฟ้าต่างๆ โรงบ าบัดน้ าเสีย เขื่อน ธุรกิจข้ามพรมแดน เป็นต้น กสม. จะต้องน าหลักการ
               UNGP      มาใช้ให้เป็นรูปธรรม แต่ไทยยังไม่มีกฎหมายและนโยบายที่จะรองรับอย่างชัดเจน อาจจะมีการ

               สนับสนุนในเชิงบวก เช่น การให้รางวัล การลดหย่อนภาษี แต่ในเชิงลบ มาตรการลงโทษยังไม่มี ทั้งนี้ ได้มีการ

               ด าเนินการตรวจสอบข้อร้องเรียนจากกิจกรรมของภาคธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนมาโดยตลอด

                      2.   การส่งเสริมหลักการดังกล่าว กสม. ท าได้ แต่รัฐควรจะท ามากกว่า โดย กสม. ควรจะไปมุ่งเน้นที่

               การตรวจสอบติดตาม

                      3.   ในส่วนของการเข้าถึง กสม. ในประเด็นสิทธิชุมชน ใช้กลไกผ่านอนุกรรมการ เพราะเข้าถึงชุมชน

               ได้มากกว่า เนื่องจากอนุกรรมการบางท่านฝังตัวอยู่กับชุมชนและมีความเข้าใจในสภาพปัญหาของชุมชนนั้นๆ

               เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีค าร้องที่เข้ามาตามระบบ ตลอดจนสื่อมวลชนมีผลต่อการเป็นที่รู้จัก กสม. ของ
               ประชาชนได้เป็นอย่างดี









                                                           2-33
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62