Page 59 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 59
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
เชิญประธาน UN Working Group เข้าร่วมและลงนาม MOU ว่าจะขับเคลื่อนหลักการดังกล่าวร่วมกัน
ระหว่าง กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กสม.
ตลอดจน AICHR รวมไปถึงการท าวิจัย เช่น งานวิจัย baseline study
4. หลังจากเวทีนี้ กสม. จะมุ่งเน้นไปที่ภาคธุรกิจที่สร้างผลกระทบให้กับประชาชนมากที่สุด เช่น
ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจพลังงาน และสมาชิกใน UNGC จะเข้ามาสังเกตการณ์แผน NAP และติดตามข้อเสนอแนะ
ของ กสม. ที่มีต่อรัฐบาลและภาคธุรกิจซึ่งได้ให้ค ามั่นว่าจะด าเนินการตามข้อเสนอแนะของ กสม.
5. กสม. จะต้องระดมความคิดเห็นกับภาคธุรกิจ ว่ามีกฎหมายอะไรบ้างที่ท าให้ไม่สามารถคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนได้ ตลอดจนการให้ความรู้กับหน่วยงานด้านกระบวนการยุติธรรมซึ่งมีความส าคัญเพราะ
เชื่อมโยงกับการเยียวยา
6. ในประเด็นสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจ กสม. บางท่านไม่เข้าใจเรื่องนี้ บางคนจะ
ตรวจสอบการละเมิดสิทธิอย่างเดียว ไม่สนใจประเด็นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจ กสม.
ยังคงไม่มีความเป็นอิสระอย่างจริงจัง เพราะยึดติดด้านงบประมาณและบุคลากร ตลอดจนระบบราชการไม่เอื้อ
การท างานเชิงรุกและสูญเสียความคล่องตัว กสม. ควรจะต้องออกแบบระบบของตนเองได้อย่างเสรี มีความ
ยืดหยุ่นสูง ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ร้องได้ตลอด 24 ชั่วโมง และควรจะต้องตั้งกลุ่มงานรับผิดชอบ
สิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจโดยตรง และมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะและมี กสม. เข้ามาดูแล หรือจะเป็น
ส านักขึ้นมาใหม่หากมีประเด็นที่ซับซ้อน หรือหากมีความจ าเป็นอาจจะมีการจัดตั้งสถาบันวิจัยและวิชาการด้าน
สิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจขึ้นมา
ผู้ให้ข้อมูลคนที่ 6
1. ธุรกิจละเมิดสิทธิมนุษยชนประเด็นต่างๆ ที่ส าคัญ ได้แก่ การแย่งชิงฐานทรัพยากรธรรมชาติ การ
ท าลายทรัพยากรธรรมชาติ การเอารัดเอาเปรียบแรงงาน ลูกค้าและคู่ค้า และการค้ามนุษย์ อย่างไรก็ดี
หลักการ UNGP ซึ่งก าหนดให้ต้องมีการเคารพ คุ้มครองและเยียวยาการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้นไม่ใช่หน้าที่
ของ กสม. แต่เป็นของรัฐ โดย กสม. มีหน้าที่จะต้องเรียกร้องให้รัฐมีแผนงานที่จะต้องตอบสนองหลักการ
ดังกล่าว และด าเนินการตรวจสอบตามอ านาจหน้าที่ของ กสม.
2. ในประเด็นของการปกป้องตามหลัก UNGP กสม. ควรจะต้องไปตรวจสอบดูว่ามีการละเมิดสิทธิฯ
หรือไม่ และหาแนวทางเยียวยา กรณีของบริษัทน้ ามันสัญชาติอังกฤษที่ท าให้น้ ามันรั่วไหลลงในมหาสมุทร
สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม รัฐในประเทศนั้นก็ได้ปรับบริษัทและปิดบริษัทลงเพื่อเป็นการคุ้มครองและ
ลงโทษ แต่กลับกันรัฐบาลไทยไม่ได้ด าเนินการในเรื่องของการคุ้มครอง (protect) และการเยียวยา (remedy)
เหมือนกับกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด การเติมเต็ม (fulfill) คือ การสร้างกลไกมาควบคุมไม่ให้มาละเมิดสิทธิของ
ภาคเอกชน เช่น กรณีเหมืองทองที่มีโปรแทสเซียมไซยาไนต์แพร่กระจายในดินและน้ า และชาวบ้านไปฟ้องศาล
2-35