Page 60 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 60

รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
               แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562


               เพื่อให้ยกเลิก แต่หน่วยงานภาครัฐกลับไปเป็นพยานให้กับบริษัทเหมืองทอง ซึ่งสะท้อนว่าบทบาทของรัฐใน

               กรณีดังกล่าวยังคงบกพร่องอยู่

                      3.   ในประเด็นการด าเนินงานของ กสม. นั้น กสม. จะเป็นคนดูนโยบาย และทิศทางกว้างๆ แต่

               ส านักงานจะต้องเตรียมเรื่องพื้นฐาน ตั้งแต่ กสม. ชุดที่ 1 เป็นต้นมา กสม. ใช้ส านักงานเป็นหน่วยธุรการมาโดย
               ตลอด กล่าวคือ ให้ด าเนินกิจกรรมตามความต้องการของกรรมการสิทธิฯ แต่ละราย เป็นการเฉพาะมากเกินไป

               ซึ่งบทบาทของส านักงานควรจะต้องสนับสนุนทางวิชาการ ไม่ใช่ท าแต่งานธุรการของ กสม. อีกอย่างคือ

               โครงสร้างเจ้าหน้าที่ของ กสม. เน้นหนักไปที่กฎหมายและรัฐศาสตร์ แต่สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องของสหวิชาชีพ
               ท าให้ประเด็นบางประเด็นที่ กสม. ไม่สามารถด าเนินงานตามที่ควรจะเป็นได้ และ กสม. ควรจะมีบทบาทใน

               การสร้างกรอบเจรจามากกว่า

                      4.   การเอารัดเอาเปรียบของภาคเอกชน เช่น เกษตรพันธสัญญา รัฐมีหน้าที่จะต้องเข้าไปคุ้มครอง

               ไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบในเรื่องของข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเรียกร้องให้มีการเยียวยาจากนายทุน

               เพราะเกษตรพันธสัญญาเป็นการเอารัดเอาเปรียบโดยที่ตัวเองไม่ต้องเสี่ยงอะไร และทิ้งภาระไว้ที่เกษตรกร
               อย่างไรก็ดี ประเด็นดังกล่าว กสม. ควรจะให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเป็นคนจัดการ ทั้งนี้ประเด็นที่ กสม.

               จะต้องให้ความส าคัญ และพอจะท าได้คือ ประเด็นการแย่งชิงฐานทรัพยากรและการท าลายสิ่งแวดล้อม ส่วน

               ประเด็นการเอารัดเอาเปรียบกับการค้ามนุษย์และประเด็นเกษตรพันธสัญญา กสม. ควรให้ความส าคัญ
               รองลงมาเพราะ มีภาครัฐอื่นๆ ด าเนินการอยู่แล้ว


                      5.   กสม. ไม่ได้มีหน้าที่คุยกับธุรกิจ แต่ต้องคุยกับรัฐบาล เพราะ กสม. เป็นแค่กลไกในการตรวจสอบ

               ไม่จ าเป็นต้องไปสร้างความตระหนักรู้ให้กับภาคเอกชน เพราะไม่ใช่หน้าที่ แม้ว่า กสม. จะมีหน้าที่ส่งเสริมสิทธิ
               มนุษยชน แต่เป็นการสร้างบรรยากาศของการส่งเสริม การเคารพในความต่างและการมีส่วนร่วม โดย กสม.

               ต้องชี้ประเด็นให้รัฐบาลรู้ว่าประเด็นไหนคือการส่งเสริม ประเด็นไหนคือการไม่ส่งเสริม

                      6.   การฟ้องคดีโดย กสม. ไม่ควรท า แต่สามารถเป็นพยานให้กับศาลโดย “Amicus  Curiae”  ไม่ใช่

               เป็นคู่ความ มิฉะนั้น กสม. จะสูญเสียความเป็นกลางไป การไกล่เกลี่ยไม่ควรท า เพราะเป็นเรื่องของศาล แต่

               กรณี ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ กสม. สามารถเข้าไปเจรจาและเสนอทางเยียวยา ซึ่งการไกล่เกลี่ยแบบนี้ความ
               เสียหายยังไม่เกิด แต่มีแนวโน้มที่จะละเมิด แต่ต้องมีการก าหนดรายละเอียดการไกล่เกลี่ยให้เหมาะสมต่อไป


                      7.   กสม. ควรจะต้องปกป้องผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน แต่ที่ผ่านมาเป็นการปกป้องผิดวิธี เช่น การไปรับ
               เรื่องร้องเรียนต่อหน้าสื่อ หรือการท า white  list  ซึ่งจะท าให้คนที่อยู่ในรายชื่อถูกเพ่งเล็งหรือข่มขู่ คุกคาม

               ดังนั้น กสม. จะต้องเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสอบถามถึงแนวปฏิบัติการคุ้มครองผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน

               และให้การดูแลบุคคลเหล่านี้

                      8.   ในประเด็นของกฎหมาย Anti SLAPP กสม. ต้องให้ความคุ้มครองในทุกๆ ด้าน เช่น การถูกแกล้ง

               ฟ้องหรือใส่ความ เพราะเกิดจากปัญหาของช่องว่างทางกฎหมายซึ่ง กสม. ควรจะอุดช่องว่างนั้น




                                                           2-36
   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65